ชัยธวัช ชี้ รัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นประชาธิปไตยแท้จริง ต้องเขียนโดย สสร. จากการเลือกตั้งทางตรงทั้งหมด ทำใหม่ทั้งฉบับแก้ได้ทุกหมวดทุกมาตรา
[ รัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นประชาธิปไตยแท้จริง ต้องเขียนโดย สสร. จากการเลือกตั้งทางตรงทั้งหมด ทำใหม่ทั้งฉบับแก้ได้ทุกหมวดทุกมาตรา]
ในวาระ 50 ปีเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ในที่ชุมนุมกลุ่มสมัชชาคนจน บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวานนี้ มีการจัดเสวนาหัวข้อ “50 ปี 14 ตุลาฯ : ยังตามหารัฐธรรมนูญใหม่” โดย ชัยธวัช ตุลาธน - Chaithawat Tulathon หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นหนึ่งในผู้ร่วมวงให้ความเห็น
ชัยธวัชเล่าว่า จำได้ว่าเมื่อปี 2539 ตนก็มาอยู่ที่นี่ ที่การชุมนุมของสมัชชาคนจนที่ชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาล มีการพูดคุยเรื่องรัฐธรรมนูญเหมือนกัน ตนได้เรียนรู้เรื่องรัฐธรรมนูญก็เริ่มต้นจากที่ชุมนุมแห่งนี้ แล้วจากจุดนั้นภาคประชาสังคมจึงมีการผลักดันรัฐธรรมนูญ 2540 ร่วมกัน ที่รู้จักกันว่าเป็น “รัฐธรรมนูญธงเขียว”
แต่ในที่สุด แม้เราจะได้รัฐธรรมนูญ 2540 ที่เป็น “รัฐธรรมนูญฉบับกินได้” อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะดีขึ้น พรรคการเมืองดูแข่งขันในเชิงนโยบายมากขึ้น ส่งผลดีกับประชาชน รัฐบาลดูมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่สุดท้ายก็มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก
แต่ถึงแม้ไม่มีรัฐประหาร รัฐธรรมนูญ 2540 ก็ยังมีปัญหาหลายเรื่อง เช่น เรื่องสิทธิเสรีภาพหลายด้านที่ประชาชนพยายามผลักดันให้ไปอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับกินได้ ก็ไม่ปรากฏเป็นจริง หลายนโยบายที่เราอยากผลักดันกันให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติ ก็ยังคงเป็นคำถามอยู่ว่าใช่หรือไม่
📌สำหรับพรรคก้าวไกล จุดยืนของเราชัดเจน📌
1. ควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมด ข้อเสนอนี้ยืนอยู่บนหลักการสำคัญสูงสุด ว่าถ้าเรายอมรับว่าประเทศนี้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนจริงๆ อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญก็ต้องเป็นของประชาชนเช่นกัน
2. หากการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นไปด้วยกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยและสะท้อนอำนาจสูงสุดของประชาชนในฐานะผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ ก็ต้องสามารถทำได้ใหม่ทั้งฉบับ
ทั้งนี้ กระบวนการเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ทุกคนต้องร่วมกันผลักดันให้มากที่สุด
[ รัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ]
แม้เราจะเคยมีรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาเป็นประชาธิปไตย มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย แต่รัฐธรรมนูญที่ประชาชนให้กำเนิดจริงๆ ทั้งในแง่เนื้อหาและกระบวนการยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่แม้จะมีเนื้อหาที่ดี แต่ สสร. ก็มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม และที่สำคัญ ผู้มีอำนาจและมีอิทธิพลในการกำหนดเนื้อหาหรือร่างรัฐธรรมนูญจริงๆ ก็คือผู้เชี่ยวชาญหรือนักร่างรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ไม่กี่คนในประเทศไทย
ดังนั้น ถ้าวันนี้เราเชื่อมั่นว่าประชาชนเรียนรู้มาหลายปีแล้ว ว่ารัฐธรรมนูญและการเมืองมีปัญหาอย่างไร ระบบการเมืองที่ดีควรเป็นอย่างไร ก็ไม่ควรต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาทำแทนประชาชนอีกแล้ว ถ้า สสร. อยากมีผู้เชี่ยวชาญก็ให้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ตั้งคณะร่างขึ้นมา ไม่ใช่ให้ผู้เชี่ยวชาญมาร่างแทนประชาชน
“ผมไม่มั่นใจว่าที่ประชาชนอุตส่าห์ไปต่อสู้กันว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีประชามติ แล้วปรากฏว่าไปเขียนกลไกในการร่างรัฐธรรมนูญให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมอีก หรืออาจมีทางตรงบางส่วน แต่หัวใจจริงๆ กลับอยู่ที่ สสร. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นนักร่างรัฐธรรมนูญมืออาชีพในประเทศไทย ที่มีเยอะและหน้าเดิมๆ ด้วย เดี๋ยวจะไปหมกเม็ดบิดเบือนเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนอีก”
[ พรรคก้าวไกลจะใช้ทุกกลไกในสภาฯ ทำให้รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน ]
แม้พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานความคิดเรื่องรัฐธรรมนูญในสังคม และจะใช้กลไกทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาฯ ในการทำให้รัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
สิ่งที่พรรคก้าวไกลได้ทำไปแล้วคือการเสนอญัตติ ให้สภาฯ มีมติส่งให้ ครม. ทำประชามติถามประชาชนว่าต้องการรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ในสภาฯ สมัยที่แล้ว ก็มีญัตติแบบเดียวกันนี้ที่ผ่านจาก สส. แต่ไปที่ สว. แล้วไม่ผ่าน มารอบนี้เชื่อว่าถ้า สส. เห็นชอบโดยพร้อมเพรียง มีเสียงประชาชนสนับสนุน สว. ก็น่าจะสนับสนุนตามเช่นกัน
สุดท้ายนี้ การที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติฯ ขึ้นมา แล้วพรรคก้าวไกลไม่ได้ส่งตัวแทนร่วม ก็เพราะมีคำถามว่าที่รัฐบาลจะศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ยืนอยู่บนหลักการใหญ่ที่พรรคก้าวไกลผลักดัน ว่าต้องเป็นการแก้ทั้งฉบับ และต้องทำโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่ยืนอยู่บนจุดยืนนี้พรรคก้าวไกลก็คงเข้าร่วมไม่ได้ แต่ถ้ายืนยันในสองหลักการนี้ ก็พร้อมเข้าร่วมเพื่อหารือต่อไป
#ก้าวไกล #สมัชชาคนจน #14ตุลา
อ้างอิงจาก: fb พรรคก้าวไกล