โคราช!! ป่วยหูดับ 55 ราย ย้ำต้องกินหมูสุกเท่านั่น!!
วันนี้ (7 ต.ค.66) มีหลายสำนักข่าวในประเทศไทยรายงานถึงไข้หูดับที่ชาวโคราชและหลาย ๆ พื้นที่เผชิญอยู่ โดยไข้นี้เกิดจาการรับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูสุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบหมูดิบ ลาบเลือดดิบ ที่มีเชื้อสเตปโตค็อกคัสซูอิส (Streptococcus suis) ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งอาการที่เกิดจากโรคนี้ได้แก่ มีไข้สูงเฉียบพลัน (มากกว่าหรือเท่ากับ 38 องศาเชลเซียส) ปวดศีรษะ หนาวสั่น สับสนกระสับกระส่าย ปวดข้อ คอแข็ง หูหนวกหรือการได้ยินลดลงอย่างเฉียบพลัน การทรงตัวผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันเสือดต่ำ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ปวดตา ตาแดง หรือมองภาพไม่ชัด
สถิติการการเป็นไข้หูดับในประเทศไทย ปี2566 พุ่งสูงมาก โดยมีผู้ป่ายโรคนี้ไปแล้ว 79 คน ผู้เสียชีวิต 5 คน ดังนี้
- นครราชสีมา มีผู้ป่วย 55 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย
- สุรินทร์ มีผู้ป่วย 11 คน
- ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 10 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย
- บุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 3 คน
หากแบ่งเป็นอาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ
- อับดับ 1 คือ เกษตรกร ร้อยละ 32.11
- อับดับ 2 คือ รับจ้าง ร้อยละ 31.19
- อับดับ 3 คือ ทำงานบ้าน ร้อยละ 12.84
การป้องกันโรคไข้หูดับ มีดังนี้
1.รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น โดยปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า 70 องศาเซลเซียส
2.อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยืดหลัก "สุก ร้อน สะอาด"
3. ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา
4. เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู
5. ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบูตยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง