โซเชียลตั้งคำถาม! เหตุใด เด็กโตอายุ 14 ปี จึงถูกลักพาตัว-ทำไมเด็กจึงไม่หนี?
จากกรณีน้องมัว หรือ ด.ช. ณัชพล สมภพวรพงษ์ อายุ 14 ปี ได้หายออกจากบริเวณวัดบางโฉมศรี ต.ชีนํ้าร้าย อ.อินทร์บุรี จ. สิงห์บุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2566 โดยจากภาพกล้องวงจรปิดและการสืบสวน พบว่า เด็กถูกลักพาตัวไปโดยชายอายุประมาณ 40-50 ปี ชื่อว่านายพัน หรือ บอยไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง มีอาชีพเก็บของเก่าขาย ในตัวเมืองจังหวัดสิงห์บุรี ใช้พาหนะเป็นจักรยานยนต์สามล้อก่อเหตุ โดยข้อเท็จจริงในคดีนี้ ภูมิลำเนาเดิม เด็กอยู่กับครอบครัวที่ อ.พบพระ จ.ตาก ต่อมาเมื่อปีที่แล้ว เด็กเดินทางมาเรียนหนังสือในจังหวัดสิงห์บุรี เนื่องจากพ่อแม่ต้องไปทำงานก่อสร้างที่อื่น ไม่มีเวลาดูแลเด็ก และในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี มีลักษณะของวัด ที่รับดูแลเด็กจากพื้นที่สูงตามแนวชายแดน จนเป็นค่านิยมที่เด็กในพื้นที่จะลงมาเรียนหนังสือต่อที่ภาคกลาง
ผู้ก่อเหตุ เข้าไปเก็บของเก่าบริเวณวัด จึงรู้จักกับเด็ก จากนั้นผู้ก่อเหตุ ทำทีตีสนิทโดยซื้อขนมและให้เงินเด็ก ตลอดจนให้เด็กเล่นโทรศัพท์มือถือ จนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ สุดท้ายผู้ก่อเหตุ หลอกเด็กว่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือให้ เด็กจึงยอมตามไป โดยจากภาพกล้องวงจรปิดที่พบ จะเห็นว่า เด็กนั่งเล่นมือถือบนซาเล้งตลอดเวลา ทั้งนี้ มีเด็กรายอื่นให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุก็เคยมาชักชวนเด็กคนอื่นไปด้วย โดยหลอกว่าจะพาไปซื้อโทรศัพท์เช่นกัน
ในคดีอื่นๆที่เป็นการลักพาตัวเด็กโต พบว่า เด็กจะหลงเชื่อคนร้ายว่าจะซื้อของที่เด็กต้องการให้ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ คอมพิวเตอร์หรือพาไปเล่นเกมส์ออนไลน์ตามร้าน ในขณะที่การเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ เด็กจะรู้สึกสนุก ตื่นเต้น เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ออกไปเที่ยวหรือไปยังต่างถิ่น อีกทั้งคนร้ายมักดูแลเด็กดี ให้กินให้เล่น ไม่บังคับเด็ก เด็กจึงหลงเชื่อและยอมอยู่ด้วย แต่ถึงแม้ว่าคนร้ายจะดูแลเด็กดีเพียงใดก็ตาม แต่นี่คืออาชญากรรม การลักพาตัวเด็ก ที่มุ่งหาประโยชน์กับตัวเด็ก และเด็กอยู่ในอันตรายหากยังไม่สามารถติดตามจนพบตัวเด็กและคนร้ายได้
ความคิดชาวเน็ต