ตายโหง !!
สวัสดีครับวันนี้ผมมีเรื่องเล่าจะมาเล่าให้ฟังอีกหนึ่งเรื่อง เริ่มเล่าเลยแล้วกันครับ
ป่าช้าแห่งหนึ่ง ถูกปล่อยให้รกร้างมานาน บรรยากาศโดยรอบก็มีต้นไม้สูงใหญ่ ปกคลุมทึบหนาแน่นไปหมด สองข้างของป่าช้าติดกับป่าข้าวของชาวบ้านในละแวกนั้น ด้านหน้าทางเข้า จะมีศาลไม้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ซึ่งถูกสร้างไว้เพื่อให้เป็นที่สิงสถิตให้กับสัมภเวสีในที่นั้น แต่ที่หลอนกว่านั้นคือ ที่นี่มักจะมีคนมาผูกคอตาย หรือไม่ก็ประสบอุบัติเหตุตรงนี้อยู่ทุกปี ซึ่งเป็นที่มาของความหลอนของที่แห่งนี้
ผมได้ยินเขาเล่ากันว่าในค่ำคืนวันพระ มักจะมีสัมภเวสีออกมาปรากฎให้ผู้คนที่ผ่านป่าช้าได้พบเห็นอยู่บ่อยๆ ในหลากหลายรูปแบบ บ้างก็ได้กลิ่นธูปชัดเจนเหมือนมีใครมาจุดอยู่ข้างๆ บางคนก็เห็นเป็นหญิงชราเดินถือตะกร้าอยู่ริมถนนในเวลาประมาณตีสาม หรือแม้กระทั่งเห็นร่างของชายหนุ่ม ใส่เสื้อลายสก็อตแขนยาว นุ่งกางเกงยีนส์ ไม่ใส่รองเท้า ยืนทะมึนร่างใหญ่อยู่ริมถนน แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ ชายผู้นั้นไม่มีหัว มีเพียงเลือดที่ไหลลงมาเปื้อนเปรอะเสื้อผ้า แต่ที่ผมได้พบเจอนี่แหละติดตาและติดใจมาจนถึงทุกวันนี้
เรื่องเกิดขึ้นในคืนที่ผมเลิกงานประมาณตี 2 จะตี 3 แล้ว และแน่นอนว่า ขากลับผม จะต้องผ่านป่าช้านี้อยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยมีอะไร แต่ในคืนนั้นเอง ขณะที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับมา บรรยากาศสองข้างทางเงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมพัดแม้แต่น้อย และเต็มไปด้วยเสียงร้องของจิ้งหรีดดังไปทั่ว บนถนนมีเพียงผมคนเดียวที่ผ่านมาแน่นอน ตอนนั้นมันเป็นเวลาประมาณตีสามกว่าเห็นจะได้
ขณะที่ขี่รถผ่านป่าช้า สายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่างซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ ปรากฏเห็นเป็นร่างของหญิงสาว ผิวคล้ำ ผมยาว รูปร่างผอม สวมเสื้อแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสั้น ยืนโบกมือเรียกอย่างช้าๆ ตอนนั้นเอง ผมรู้สึกได้เลยว่าขนลุกชัน และเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในทันที ใจหนึ่งก็คิดจะจอดรับ แต่อีกใจหนึ่งนี่สิ ความกลัวมันมากกว่า จึงตัดสินใจขี่รถเลยไป แต่พอขับไปได้สักพักหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดตรงศาลที่อยู่หน้าป่าช้าพอดี ก็ปรากฏร่างหญิงสาวคนเดิม ยืนโบกมืออย่างช้าๆ ขึ้นอีกครั้ง
ทีนี้แหละครับผมจึงแน่ใจแล้วว่ากูโดนเข้าให้แล้ว แต่ด้วยระยะที่อยู่ไม่ไกลกันมากเลย ทำให้ผมเหลือบไปเห็นรูปพรรณสันฐานเธอผู้นี้ได้อย่างชัดเจนมาก เธอเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาคมเข้ม ตาโตโตจนเห็นว่าเธอผู้นี้ไม่มีตาดำเลย เนื้อตัวและเสื้อผ้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือดไหลลงมาตั้งแต่หัวจนจรดเท้า และเธอก็ยังคงยืนโบกมืออย่างช้าๆอยู่อย่างนั้น เท่านั้นแหละสติผมนั้นกระเจิดกระเจิง พร้อมเร่งความเร็วรถ และสวดมนต์ไปในใจ สวดผิดสวดถูกไปตลอดทางจนถึงบ้าน ทิ้งรถแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านนอนคลุมโปงอย่างรวดเร็ว จนรุ่งเช้าผมจึงได้เล่าให้คนที่บ้านได้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ในขณะที่เล่าเห็นได้ชัดเลยว่าคนที่บ้านหน้าซีด ตกใจมาก ผมจึงถามไปว่าเป็นอะไร มันน่ากลัวมากใช่มั้ย เขาจึงตอบกลับมาเสียงสั่นๆว่า เมื่อเช้ามีคนพบศพผู้หญิงคนที่ผมพูดถึงที่ป่าช้า รูปร่างหน้าตารวมถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่เหมือนที่ผมเล่าเป๊ะเลย เธอนั้นถูกฆ่าขข่มขืนแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่ป่าช้านั้นแหละ หลังจากได้รับรู้เรื่องราวของเธอแล้ว ผมรู้สึกเสียใจมาก แล้วก็ได้แวะไปทำบุญ ไปให้เธอตายโหงตายโหงตายโหง