จตุพร จวก เศรษฐา ตำหนิแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 ครั้ง ไม่รู้ฐานชีวิตคนแบกหนี้
“จตุพร”เฉ่ง ครม.เศรษฐานัดแรก สำแดงเดชมติโหลยโท่ยก่อปัญหา ตำหนิแบ่งจ่ายเงินเดือน ขรก.สองครั้ง จวกไม่รู้ฐานชีวิตคนแบกหนี้
ฟาดโฆษกใหม่ออกอาการสับสนอ้างคำสั่งนายกฯ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ หวั่นเงินดิจิทัลหวังพึ่งเครดิตกลุ่มทุนหมุนแจก ปชช. ลั่นขออย่าทำ เชื่อทุนผูกขาดตลาดเบ็ดเสร็จ
เมื่อ 13 ก.ย. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "มากกว่าที่เห็น" โดยกังวลรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ประชุม ครม.นัดแรกได้สำแดงเดชมติจ่ายเงินเดือยข้าราชการ (ขรก.) 2 ครั้งจะสร้างปัญหาครั้งใหญ่กับฐานชีวิตที่แบกภาระหนี้เดือนชนเดือน
นายจตุพร กล่าวว่า นายเศรษฐา จะแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 ครั้งต่อเดือนว่า ในแง่ชีวิตของประชาชนหรือข้าราชการ จะมีค่าใช้จ่ายที่ต้นเดือนและต้องจ่ายการผ่อนซื้อในแต่ละเดือนเต็มจำนวน ซึ่งไม่อาจจ่ายผ่อนที่ละครึ่งเดือนได้ เช่น ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ไฟฟ้า อินเตอร์เน็ต เป็นต้น ดังนั้น ระบบการเงินที่ผ่านมาเงินเดือนกับรอบหนี้ต้องจ่าย จึงสอดคล้องหรือตรงกัน
"ถ้าระบบใหม่จากนี้ไป โครงสร้างรัฐที่แก้ใหม่ให้จ่ายกันที่ละครึ่งเดือน จึงไม่สอดรับกับการจ่ายผ่อนบ้าน หรือการชำระหนี้อื่นๆ ดังนั้น การแก้ปัญหาของนายกฯ จึงไม่ได้พิจารณาถึงค่าใช้จ่ายของชีวิตล้วนผูกติดไว้กับภาระหนี้ที่อยู่ต้นเดือน แนวทางนี้อาจจะเกิดการต่อต้านจากข้าราชการ เพราะหาเงินมาทดแทนไม่ทัน จึงเป็นหลักคิดของรัฐบาลที่โหลยโท่ยที่สุด”
นายจตุพร กล่าวถึงการแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็น เลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เป็นที่ปรึกษา รมว.กลาโหมว่า แสดงถึงการอำนวยการสร้างของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งสิ้น
อีกทั้ง เชื่อว่า ทั้งนายเศรษฐา นายกฯ กับนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม คงไม่รู้จักกับทหารทั้งสองคนที่มาเป็นเลขานุการและที่ปรึกษามาก่อน เพราะทหารทั้งสองคนนี้ทำงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาต่อเนื่อง และก่อนหนี้มีชื่อจะเป็น รมว.กลาโหมาอีกด้วย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เท่ากับปิดล้อมกลาโหมไว้หมดแล้ว
"สิ่งนี้จึงเป็นคำตอบได้ชัดเจนว่า นายเศรษฐา ได้เป็นนายกฯ ไม่ใช่โชคช่วย แต่คือคำตอบชัดเจนถึงแนวทางความมั่นคงของประเทศ ว่า นายสุทิน จะต้องทำงานผ่านเลขานุการและที่ปรึกษา ซึ่งมีความรู้ด้านความรู้มั่นคงที่เหนือกว่าอย่างแน่นอน"
ส่วนการเกณฑ์ทหารนั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายสุทิน มีแนวทางทยอยลดการเกณฑ์ทหารลงจนกระทั่งไม่ต้องเกณฑ์ ให้เหลือเพียงการสมัครใจอย่างเดียว อีกทั้งการลดทอนตำแหน่งนายพลลง ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้เป็นแผนงานของกองทัพอยู่แล้ว ดังนั้น รมว.กลาโหม แทบไม่ต้องทำอะไร เนื่องจากเอางานกองทัพที่มีเป้าหมายและแนวทางการทำงานชัดเจนอยู่แล้ว
รวมทั้งเห็นว่า รมว.กลาโหมจะเปลี่ยนซื้ออาวุธ หรือเรือดำน้ำเป็นขายปุ๋ยนั้น นายสุทิน คงทำไม่ได้ตามที่พูด เพราะจีนคงไม่ยอม อีกอย่างสิ่งสำคัญ การทำงานของ รมว.กลาโหม ต้องผ่านเลขานุการรัฐมนตรี คงไม่ยอมให้การซื้อปุ่ยแทนซื้ออาวุธเกิดขึ้นอย่างง่ายดายแน่
นายจตุพร กล่าวถึงเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำตอบอะไรจากรัฐบาลถึงที่มาของเงินและจะทำกันอย่างไร เมื่อประกาศไม่กู้ ไม่เอาเงินกองทุนสำรอง หรือกองทุนวายุภักษ์ จึงสงสัยและไม่ต้องการให้ไปใช้แนวทางขอเครดิตของกลุ่มทุนในจำนวน 5.6 แสนล้านมาเป็นที่มาของเงิน
สิ่งสำคัญการใช้เครดิตแบบนี้จะเกิดช่องว่าง เพราะคนในพื้นที่มาทำงานใน กทม. ย่อมไม่ได้ใช้จ่ายในรัศมี 4 กม.เป็นปกติตามเงื่อนไข หากกลับบ้านหน้าเทศกาล เมื่อร่วมกันใช้เงินดิจิทัลคราวเดียวรายละหมื่น สิบคนก็เป็นแสน หรือร้อยคนก็เป็นล้านบาท แล้วร้านค้าจะมีสินค้ามารับมือได้อย่างไร แต่ที่น่ากลัวคือ จะเกิดการขายเงินดิจิทัล โดยผ่านการสำแดงเท็จในเรื่องการจ่ายซื้อสินค้า
"การขายเงินดิจิทัลจะโกงกันหนักยิ่งว่าจำนำข้าว แล้วกลุ่มทุนก็นำเงินไปเข้าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เพื่อขยายทุน จึงสงสัยและไม่อยากให้เกิดไปถึงขั้นเสนอขอเครดิต 5.6 แสนล้านบาทจากกลุ่มทุน เพราะจะนำพาให้ประเทศถูกทุนผูกขาดตลาดการผลิตและการซื้อขายสินค้าได้อย่างเบ็ดเสร็จ"
นายจตุพร กังวลกับโฆษกรัฐบาล นสพ.ชัย วัชรงค์ กล่าวถึงรัฏฐาธิปัตย์ว่า ปกติรัฐบาลที่มจากการเลือกตั้งจะไม่ใช้คำพูดเช่นนี้กัน แต่คณะยึดอำนาจสามารถใช้ได้ เพื่อมุ่งยึดอำนาจทั้ง 3 ทางคือ บริหาร นิติบัญญัติ และยุติธรรม มาไว้กับคนเดียวได้ แต่ถ้าคนที่มาจากการเลือกตั้งจะใช้อำนาจนี้แล้ว สะท้อนถึงการป่วยทางใจอย่างยิ่ง
"ผมแปลกใจที่มาแถลงในนามโฆษกรัฐบาลครั้งแรก ก็พูดถึงรัฐบาลนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ แม้จะเลิกคำสั่ง คสช.ที่ไม่ใช้ก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายถึงความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เป็นเพียงมติ ครม. อีกอย่างถ้าถึงขั้นประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์เท่ากับว่า ประเทศขณะนี้ได้บริหารโดยหัวหน้าคณะรัฐประหารชุดใหม่แล้ว นี่หนักเลย"
อีกทั้ง ประเมินว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ สะท้อนถึงแนวโน้มพรรคก้าวไกลจะถูกปล่อยจากคดีที่ถูกกล่าวหากันตามลำดับ นอกจากนี้ช่วงใกล้สิ้นกันยายน รัฐมนตรีที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบนั้นจะมีการสำแดงกันอย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ นายจตุพร ย้ำว่า กรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แฉเพื่อชาติเอาไว้ จะเกิดปฎิกริยาจาก สว. สส.และนักกฎหมายที่จะเปิดปฎิบัติการเมื่อใด สิ่งเหล่านี้จึงต้องติดตาม ยิ่งระบบแจกเงินดิจิทัล โดยเฉพาะความกังวลและไม่ต้องการให้รัฐบาลเดินตามแนวทางขอเครดิจกลุ่มทุน 5.6 แสนล้านบาทมาทำโครงการ ยิ่งจะทำให้ประเทศเสียหายครั้งใหญ่หรือไม่ด้วย
ประเทศไทยต้องมาก่อน
อ้างอิงจาก: fb จตุพร พรหมพันธุ์