หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

⚡[ ประชาชนจะจ่ายค่าไฟถูกลงกี่โมง ถ้ายังเอื้อนายทุน ‘เสือนอนกิน’ กันแบบนี้ ]⚡

เนื้อหาโดย Wut15



📌การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 30 ส.ค. มีวาระรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)


📌สส.พรรคก้าวไกลได้อภิปรายหลายคน ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากคือการแก้ไขปัญหาค่าไฟแพง ที่ยัง ‘แพงแล้ว แพงอยู่ แพงต่อ’ ประชาชนรับผลกระทบหนักในเวลานี้ �.�
[ ของถูกให้ภาคธุรกิจ ของแพงให้ประชาชน ]


�ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านตลาดพลังงาน ได้อภิปราย 4 ประเด็นสำคัญ �.
(1) การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติในการผลิตกระแสไฟฟ้าในปัจจุบัน ทำให้ประชาชนต้องจ่ายแพงเกินไป : ไฟฟ้าที่เราใช้กันทุกวันนี้ ผลิตจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติมากถึง 60% ราคาก๊าซธรรมชาติจึงเป็นต้นทุนส่วนใหญ่ของไฟฟ้าในบ้านเรา แต่ต้นทุนราคาก๊าซที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า มาจาก Pool Gas ที่พึ่งพาการนำเข้าและมีราคาแพง ในขณะที่แหล่งก๊าซในประเทศที่มีราคาถูก ถูกนำไปเข้าโรงแยกก๊าซเพื่อนำไปใช้กับกลุ่มปิโตรเคมีก่อน

😡สรุปง่ายๆ คือ ‘ของถูกให้ภาคธุรกิจ ของแพงให้ประชาชน’ 😡

ถึงอย่างนั้น สังคมกลับมามีความหวังเพราะได้เห็นหนังสือที่ทาง กกพ. ทำถึงรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเมื่อ 28 เมษายนที่ผ่านมา เสนอให้มีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ โดยให้นำราคาก๊าซธรรมชาติจากแหล่งในประเทศ มาเฉลี่ยรวมกับ Pool Gas ที่มีราคาแพง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าลดลงด้วย

🔥จึงอยากตั้งคำถามถึง กกพ. ว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ได้มีการติดตามผลของการทำหนังสือฉบับนี้หรือไม่ กระทรวงพลังงานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปถึงไหนแล้ว เพราะประชาชนสงสัยว่า หรือเป็นเพราะกลุ่มปิโตรเคมีต้องจ่ายแพงขึ้น จึงเป็นตัวขัดขวางให้ข้อเสนอนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้🔥

 



(2) ความโปร่งใสของ กกพ. ในการปฏิบัติหน้าที่ : ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร 2540 มาตรา 9 (7) กำหนดให้มีการเผยแพร่มติของคณะกรรมการใดๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งสู่สาธารณะ การเปิดเผยมตินั้นสำคัญ เพราะช่วยให้เกิดความโปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้

เช่น การให้ใบอนุญาตโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนรอบที่ผ่านมามากกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ระบุว่าจะให้ใบอนุญาตตามคะแนนเชิงเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่กฎเกณฑ์ วิธีการให้คะแนน กลับไม่ได้แจ้ง มีแต่การใช้ดุลพินิจ คำถามคือความโปร่งใสอยู่ที่ไหน?

ยังไม่รวมกระบวนการคัดเลือกที่ให้เวลาแค่เดือนเดียวในการยื่นเอกสาร ทำให้เกิดการตั้งคำถามกันว่า คนที่เตรียมเอกสารทันนั้น เพราะรู้กันอยู่แล้วหรือไม่ 🤔 หรือประเด็นราคารับซื้อไฟฟ้าที่เรียกว่า Feed-in tariff จากโรงไฟฟ้าพวกนี้ มีสูตรคำนวณอย่างไร 🧐 สูงเกินกว่าความเป็นจริงของราคาตลาดหรือไม่ เพราะคนที่แบกรับต้นทุนคือพี่น้องประชาชน

🔥จึงตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เปิดเผยมติหรือเนื้อหากระบวนการต่างๆ ที่บัญญัติใน พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมต่อประชาชน ไม่อย่างนั้น กกพ. เองอาจกำลังละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ก็เป็นได้🔥

 

(3) การเจรจาแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เพื่อปรับลดค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment) ของโรงไฟฟ้า : ปัจจุบันไทยมีโรงไฟฟ้ามากเกินความจำเป็น มี 8 โรงที่ไม่ได้เดินเครื่องเลยในปี 2564 แต่เรายังต้องจ่ายเงินให้โรงไฟฟ้าเหล่านี้ผ่านค่าความพร้อมจ่ายที่ถูกระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchasing Agreement: PPA)

แม้เข้าใจว่าการแก้ไขสัญญาระหว่างรัฐและเอกชนเป็นสิ่งที่ยาก แต่ในทุกสัญญาจะมีการระบุข้อกำหนดหนึ่ง คือเหตุสุดวิสัย (force majeure) หมายถึงการเกิดเหตุที่อยู่เหนือการควบคุมของคู่สัญญาและเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน เช่น การแพร่ระบาดของโควิด 19 ควรนำมาเป็นเหตุสุดวิสัยที่นำไปสู่การแก้ไขสัญญาลดค่าความพร้อมจ่ายได้

🔥จึงขอตั้งคำถามว่า กกพ. เคยมีความคิด หรือความพยายามเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทบทวนหรือแก้ไขสัญญานี้หรือไม่🔥

(4) งบประมาณและความคุ้มค่าในการเดินทางดูงานต่างประเทศ : งบในกลุ่มนี้สูงมากกว่า 10 ล้านบาทต่อปี ประเทศที่เดินทางไปล้วนมีความก้าวหน้าทางพลังงาน แต่ทำไมประเทศไทยยังไม่มีนโยบายหรือกระบวนการต่างๆ ที่ทันสมัยเหมือนประเทศอื่น เช่น ในขณะที่ประเทศอื่นใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการยื่นประมูลโรงไฟฟ้า แต่เรายังต้องยื่นซองกระดาษ

ศุภโชติทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่ควรกำกับกิจการพลังงานต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ กลับถูกสังคมตั้งคำถามว่าท่านกำลังถูก ‘กำกับ’ โดยกลุ่มทุนหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ไม่ใช่เพื่อประชาชนอยู่หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้ แล้วประชาชนจะพึ่งใคร!?!
.�.
[ หยุดนายทุนเสือนอนกิน อู้ฟู่บนน้ำตาประชาชน ]

ต่อมา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ ขยายประเด็นต่อว่า ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้เดินเครื่อง แต่รัฐต้องเอาเงินไปจ่ายค่าพร้อมจ่ายให้นายทุน โดยมีการประเมินกันว่า ค่าพร้อมจ่ายที่ต้องจ่ายให้นายทุน 80 สตางค์ต่อหน่วยนั้น ถ้าประเทศเราสำรองไฟแค่ 15% (ปัจจุบันสำรองถึง 50%) เหมือนประเทศอื่น ประชาชนจะจ่ายแค่ 24 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น

พูดให้เห็นภาพ เช่น ค่าไฟของท่าน 1,000 บาท ถ้าไม่ต้องจ่ายค่าพร้อมจ่าย 80 สตางค์ ประชาชนจะจ่ายค่าไฟแค่ 880 บาท นั่นหมายความว่าทุกวันนี้ประชาชนถูกไถเดือนละ 120 บาท เข้ากระเป๋านายทุนเสือนอนกิน นี่หรือคือการกำกับกิจการพลังงานที่ว่าดีแล้ว เป็นธรรมแล้ว?

ปัญหาค่าไฟแพงยังเดือดร้อนถึงภาคอุตสาหกรรม เพราะค่าไฟคิดเป็น 10-30% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด ในขณะที่ค่าไฟประเทศไทย 4.70 บาทต่อหน่วย แต่เวียดนาม 2.76 บาทต่อหน่วย แบบนี้ประเทศไทยจะมีขีดความสามารถในการแข่งขัน สู้ประเทศอื่นได้อย่างไร

นอกจากนั้น ที่ผ่านมาโครงการอะไรที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ ก็ทำเหมือนไม่เต็มใจทำ เช่น การซื้อโซลาร์รูฟท็อปจากภาคเอกชนที่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะราคารับซื้อไม่เป็นธรรม ซื้อถูกมาก รัฐบาลชุดที่แล้วแถลงต่อรัฐสภาเมื่อ 25 กรกฎาคม 2562 ว่าจะส่งเสริมการซื้อขายไฟฟ้าแบบหักลบหน่วยไฟฟ้าสุทธิ (Net Metering) แต่เอาเข้าจริงไม่ได้ทำเลย พอเอกชนจะซื้อขายไฟฟ้ากันเอง กกพ. ก็ไปคิดค่าเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge) แพงหูฉี่ 1.15 บาท ตั้งราคาแบบนี้เหมือนจะไม่ให้ทำมากกว่า

🔥จึงขอย้ำเตือน กกพ. ว่าหน้าที่สำคัญคือการปกป้องผลประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานอย่างเป็นธรรม ถ้า กกพ. ไม่ตระหนักเรื่องนี้ สุดท้ายกลุ่มทุนผูกขาดหรือเครือข่ายอุปถัมภ์ของผู้มีอำนาจ ก็จะเข้ามาฮุบเอาพลังงานของประเทศไปกินรวบ รีดนาทาเร้นจากประชาชนตามใจชอบ ให้พวกมันร่ำรวยบนคราบน้ำตาของประชาชน🔥

[ เรียกร้อง กกพ. ยุติออกใบอนุญาตโรงไฟฟ้า ลวงตา-หลบกฎเกณฑ์ ]

จากนั้น เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ ยกข้อร้องเรียนจากประชาชน จ.ปราจีนบุรี ว่าขณะนี้มีความพยายามขออนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม จำนวน 3 โรง

ความน่าสนใจคือ (1) แต่ละโรงมีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ เมื่อนำมารวมกันจะมีกำลังการผลิต 29.7 เมกะวัตต์ (2) ตั้งอยู่บนที่ดินที่มีพื้นที่ต่อเนื่องกัน ทั้งหมดเกือบ 62 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

จึงขอถามไปยัง กกพ. ว่าโรงไฟฟ้าทั้ง 3 นี้ ยังถือเป็นโครงการผลิตและจําหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม ‘ขนาดเล็กมาก’ ได้อยู่หรือไม่ เพราะถึงแม้แต่ละโรงมีขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ แต่เมื่อเดินเครื่องจักรพร้อมกัน กำลังการผลิตก็เกือบ 30 เมกะวัตต์ เช่นนี้จึงน่าตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทจงใจยื่นขออนุญาตเพื่อเลี่ยงการทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือไม่ 🫤

และเนื่องจากการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก เข้ามามีส่วนในการผลิตไฟฟ้า แต่สำหรับกรณีนี้ โรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรงมีผู้ถือหุ้นหลักเป็นบริษัทเดียวกัน คือบริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอยู่ก่อนแล้ว

นี่จึงถือเป็นการลวงตา หลบกฎเกณฑ์ เจตนาเลี่ยงการปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สําหรับขยะอุตสาหกรรม ที่มีใจความว่า “โครงการที่เสนอขายไฟฟ้าต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ลงทุนก่อสร้างใหม่ และไม่เคยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือไม่เคยได้รับการตอบรับซื้อจากการไฟฟ้าฝ่ายจําหน่าย และไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่น เป็นโครงการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือการไฟฟ้าฝ่ายจําหน่ายที่ยังมีผลใช้บังคับอยู่”

ดังนั้น การที่ทั้ง 3 บริษัทได้รับอนุญาตจาก กกพ. ให้ก่อตั้งโรงไฟฟ้า จึงเป็นการดําเนินการที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดระเบียบ ผิดกฎหมาย เป็นการปฏิบัติที่ไม่ชอบธรรมด้วยหรือไม่?

นอกจากนี้ ในเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบการออกใบอนุญาตกิจการโรงไฟฟ้า ยังมีความผิดปกติหลายอย่าง แสดงถึงเจตนากีดกันประชาชนไม่ให้มีส่วนร่วม เช่น บริษัทเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าฯ ทั้ง 3 โครงการ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในวันเวลาเดียวกัน จัดแค่ 1 ครั้งในวันจันทร์ซึ่งเป็นวันทำงาน ไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบทั่วถึง แถมสถานที่ที่จัดห่างจากจุดตั้งโรงไฟฟ้ากว่า 10 กิโลเมตร ส่งผลให้จำนวนผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น มีน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญหรือไม่

เบญจาย้ำในช่วงท้ายว่า ทุกครั้งที่มีโครงการขนาดใหญ่ ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โครงการเหล่านี้มักจะสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับนายทุน แต่ไม่ได้สร้างความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น

🔥ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการมากที่สุด อาจไม่ใช่ผู้เซ็นอนุมัติ แต่เป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงขอให้ กกพ. พิจารณายุติการออกใบอนุญาตโรงงานไฟฟ้าทั้ง 3 โรงนี้ออกไปก่อน เพื่อพิจารณาให้รอบคอบ 🔥

 



#ก้าวไกล #ค่าไฟแพง #ประชุมสภา

เนื้อหาโดย: Wut15
อ้างอิง:พรรคก้าวไกล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Wut15's profile


โพสท์โดย: Wut15
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
25 VOTES (5/5 จาก 5 คน)
VOTED: Inthira, enw201, kbc854, mmz182, bpd568
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ช็อกอย่างแรง !! "มิน พีชญา" น้ำตาแทบหลั่ง แจง เป็นประชาสัมพันธ์หาใช่หุ้นส่วน'แหม่ม จินตหรา'ซัด'ว็อชด๊อก'หยุดบิดเบือนเรื่องช้าง!แก้วว่ามันอร่อยดี!! กินพิซซ่าพร้อมชมวิวไปด้วย‘ประธานกรรมาธิการปปง.’ ฟันธง เหล่าดารา ‘ดิไอคอน’ เข้าข่ายมีความผิดด้วย"ณวัฒน์" กล่าวไว้ถูกใจชาวโซเชียล ท่ามกลางดราม่า "บอสกันต์ ดิไอคอนกรุ๊ป"ส่องเงินเดือนพนักงาน CJ MORE แต่ละตำแหน่ง! ทำงานร้านสะดวกซื้อ ได้เงินเดือนเท่าไหร่กันนะ?ยอดเขาคิลิมันจาโร (Kilimanjaro) ยอดเขาที่สูงที่สุดในแอฟริกา
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
โลกการ์ตูนโศกเศร้า "โนบุโยะ โอยามะ" เสียง "โดราเอมอน" ในความทรงจำ ลาลับในวัย 90 ปี'แหม่ม จินตหรา'ซัด'ว็อชด๊อก'หยุดบิดเบือนเรื่องช้าง!ทะเลช่วยฮีลใจได้อย่างไร
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
คนพิการพลาดเงินดิจิทัล 10,000 บาท ต้องทำอย่างไร? เช็กวิธีรับสิทธิ์เงินดิจิทัลแบบละเอียดตำรวจเตรียมออกหมายจับ "บอสใหญ่" ดิ ไอคอน กรุ๊ป ภายใน 48 ชั่วโมง หลังพบความผิดเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนสคบ. เตือน! 6 คุณสมบัติสำคัญที่ "บริษัทขายตรง" ต้องมี ป้องกันตกเป็นเหยื่อธุรกิจฉ้อโกงเมียหรั่ง" เข้าร่วมในฐานะพยานในคดี "แม่ตั๊ก" ปฏิเสธการเชื่อมโยงกับคดีทอง และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามเกี่ยวกับครอบครัว พร้อมเผยเหตุผลที่พูดวลีเด็ดและคนที่ชอบดราม่า
ตั้งกระทู้ใหม่