ท้าผีในห้องน้ำที่ลาดกระบัง !
ท้าผีในห้องน้ำ ที่ลาดกระบัง
เรื่องนี้เกิดประมาณปี 2541 ที่ สถาบันแห่งหนึ่ง ย่านลาดกระบัง เรื่องราวนี้เป็นการลองดีของเพื่อนๆ ที่เรียนวิศวะฯด้วยกัน
มีอยู่คืนหนึ่งในภาคเรียนที่สอง เทอมนั้นเราไปเรียนที่ตึก A ชั้น 5 เราเรียนช่วงเวลาเย็นกันทุกวันจนถึง2 ทุ่ม ในชั้น5นี้เอง
นักศึกษาที่เข้ามาใหม่ต้องพบความประหลาดใจทุกคนเมื่อเรามาเรียนตึกนี้ครั้งแรกๆ เดินผ่านห้องน้ำหญิง จะมีศาลเจ้าที่ติดอยู่บนผนังห้องน้ำ มีดอกไม้ธูปเทียนและน้ำแดงอยู่ด้วย แต่เป็นห้องน้ำหญิงเราแค่เดินผ่าน
เมื่อเข้าเรียนจึงถาม ดร. ที่ท่านมาสอนว่าห้องน้ำนี้ประวัติอย่างไร ท่านก็เล่าเพียงคร่าวๆ ว่านักศึกษาหญิงอกหัก เลยมาผูกคอตายที่นี่ เป็นเรื่องที่ทำให้สองคณะไม่ลงรอยกันหลายๆปี
เวลาพวกเราก็เลิกเรียนก็เดินผ่านห้องน้ำนี้ตอน2ทุ่ม รู้สึกขนลุกทุกที ทุกคนก็รีบๆลงตึกกันทั้งนั้น เพราะตึก A ทั้งเก่าและค่อนข้างมืด
เมื่อผ่านไปครึ่งเทอมเพื่อนผมสองคน ชื่อ ไอ้เม้ง กับ ไอ้อ้า มันนึกคึกอะไรไม่รู้เกิดอยากลองดีขึ้นมามันนัดกันไปดูผีที่ ตึกA ชั้น5 ห้องน้ำหญิง
วันนั้นผมมานั่งทำแล็ปอยู่ที่ภาควิชา ประมาณ 4ครึ่ง ทุ่ม ไอ้เม้งมันเดินมาชั้นสองเข้ามาที่ห้องผมกันเพื่อนอีกคนตกใจ ใครว่ะโผล่มามืดๆ สภาพไอ้เม้ง หน้าถลอก แขนแผลเป็นทาง เลือดซึม ขาซ้ายถากเป็นแผลยาว เลือดเป็นทาง
พวกเราตกใจมาถามว่า "เฮ้ย! มึงไปทำอะไรมา ไอ้เม้ง"
เม้งมันท่าทางหอบๆ บอกว่า "เดี๋ยวกูล้างแผลที่ห้องน้ำก่อน" มันก็เดินไปล้างสักพักมันก็มาในห้อง
ผมก็ถามมันว่า "มึงไปทำอะไรมา"
เม้งเล่าออกมาว่า "กูท้ากับไอ้อ้า ไปดูผีในห้องน้ำหญิงที่ตึก A" ผมขนลุกนิดๆ คิดแล้วมันเล่นกันซะเแล้ว
เม้งเล่ารายละเอียดว่า ได้ขึ้นไปบนตึกประมาณ 3ทุ่มกว่าๆ ตอนนั้นไม่มีใคร เจ้าหน้าที่กลับกันหมดแล้ว ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดไปยังห้องน้ำ เพื่อความสยองก็ใช้ไปฉายส่องในห้องน้ำหญิงที่มีศาลเจ้าอยู่
ทั้งสองมันสนุกกัน ที่ได้วัดใจกัน ทำเป็นเดินทั่วห้องน้ำกันสองคนสักพักไม่เป็นมีอะไร
ไอ้เม้งก็พูดออกมาว่า "ไหนล่ะผี ไม่เห็นมีเลย โธ่! โว้ยมาเสียเที่ยว" เมื่อนั้นไอ้อ้าขนลุกวาบ "เฮ้ย! ไอ้เม้งมึงพูดอะไร ไม่ดีนะโว้ย พอๆ รีบกลับกันเถอะ"
ทั้งสองคนก็ลงมาจากตึกแล้วก็แยกย้ายกลับหอ ไปคนละทาง ไอ้เม้งอยู่ซอยจินดาฯ ต้องขี่มอเตอร์ไซด์กลับผ่านคณะเกษตร ประมาณ 4 ทุ่ม ช่วงถนนคณะเกษตรสมัยนั้นค่อนข้างมืด ก่อนที่จะโค้งขึ้นสะพานข้ามคลองลาดกระบัง ระยะถนนประมาณ100เมตร
ไอ้เม้ง ขี่มอเตอร์ไซด์ อยู่ๆ ก็มีเงาดำเท่าคนเดินตัดหน้ามัน ไอ้เม้งตกใจหัก รถแฉลบไปตามทาง เต็มไปด้วยบาดแผล แต่ไม่สาหัดมากนัก เพราะมันเคยเป็นนักคาราเต้ ตัวอ้วนๆอวบนิด พอล้มบนถนนได้สักพัก มันค่อยๆลุกมองหาคนที่ชนเมื่อกี้ แต่!......ไม่มีใครสักคน เม้งทั้งเจ็บ และขนลุก มันว่า "เจอแล้ว กู!"
เม้งก็เข็นมอเตอร์ไซด์ล้อบิด มาที่เก็บที่ภาควิชา แล้วก็มาเจอพวกนี่แหละ
ผมก็พูดว่า "เม้ง ไปหาหมอที่จินดารัตน์ก่อน พรุ่งนี้ มึงค่อยไปขอขมา"
วันรุ่งขึ้นผมเจอไอ้อ้าช่วงบ่ายๆ ถามว่ารู้เรื่องไอ้เม้งมั้ย
ไอ้อ้ามันพูดว่า "ไอ้ห่านะดิ เสือก ปากดีไปท้าทาย เขายิ่งไม่ชอบเด็กวิศวะฯอยู่แล้ว"
ผมถามไอ้อ้ากลับเจออะไรมั้ย เพราะไอ้เม้งมันเละซะขนาดนั้น
ไอ้อ้าบอก "โอ้ย! กูรู้ตัวเลยตั้งแต่ขึ้นจนลง กูไหว้ศาลตลอด ใส่พระ ก่อนนอนกูก็สวดมนต์ หลับสบาย"
ช่วงเย็นๆ ไอ้อ้ากับไอ้เม้งซื้อดอกไม้ธูปเทียน เดินไปขอขมาที่ศาลนั้น
เรื่องนี้พวกเราจำไว้เป็นบทเรียน ไม่ควรท้าในสิ่งที่ไม่แน่ใจ
หลังจากนั้น 10ปี ทางคณะต้องการปรับปรุงตึก A ท่านอาจารย์ที่ภาควิชาเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่ปรับปรุงตึก A ต้องเชิญท่านพราหมณ์มาประกอบพิธี ย้ายศาลลง แต่ต้องประหลาดใจ
ท่านพราหมณ์บอกที่นี่แปลกมาก ต้องทำพิธีหลายทีเป็นอาทิตย์กว่าจะย้ายให้เธอมาลงศาลใหม่ข้างตึก A ได้
อาจารย์ที่คุมงานบอกหลายคนเจอเรื่อง แปลกในช่วงนั้นมาก ทั้งผู้รับเหมาและคนที่มาทำงานตึกนี้ อาจารย์เล่าเพียงเท่านี้
หากใครได้ไปแถวนั้นอยากเห็นศาลใหม่ก็ขับไปดูได้ที่คณะวิศวะฯ ตึกA ติดโรงอาหารวิศวะฯ
ขอเตือน อย่าได้ท้าทายผู้ที่จากโลกไปอย่างไม่สงบ เขาอาจจะเล่นงานท่านได้ ขออโหสิด้วย