เจ้าของหวีสับ !
เจ้าของหวีสับ
ดไปเอง เพราะเงาตัวเรามองออกมาไม่เหมือนเราเลยค่ะ...มันเหมือนคนอื่นที่กำลังเลียน แบบท่าทางของเรา พร้อมกับมองสบตาเราอย่างขบขันอยู่ในที!
เอ๊ะ! ชักจะยังไงเสียแล้วซี! ขนเริ่มลุกซ่าเมื่อเห็นสีหน้าเงาตัวเองในกระจกดูน่ากลัว และใบหน้าของดิฉันเองในเงาสะท้อนนั้นดูไม่เหมือนเดิม...คล้ายกับว่ามันกำลัง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าของคนอื่นยังงั้นแหละค่ะ
ไม่เอาแล้ว...ดิฉันรีบออกจากห้อง น้ำ คิดว่าตัวเองประสาทเกินไป เฮ้อ...อายุตั้ง 48 แล้วนี่คะ เลือดจะไปลมจะมา...ฮอร์โมนคงทำพิษน่ะค่ะ! คิดเลอะเทอะหลอกตัวเองให้กลัวอะไรก็ไม่รู้ บ้าจัง!
วันนั้นเราอบรมสัมมนาจนมืดค่ำ กว่าจะกลับเข้าห้องก็ห้าทุ่มกว่าแน่ะค่ะ
พี่รื่นดูเหนื่อยมาก เธอบอกว่าเพลียๆ ขออาบน้ำก่อน ดิฉันเลยเปิดทีวีดู ม่านหน้าต่างน่ะเอาลงหมด แถมเปิดไฟทั้งห้อง แต่กระนั้นแสงไฟก็ดูจะสว่างไม่พอสักเท่าไหร่
ตอนดูทีวี ดิฉันรู้สึกเหมือนมีเงาคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงหางตา แต่พอมองตรงๆ ก็ไม่มีอะไร...แปลกชะมัด
หลังจากอาบน้ำต่อจากพี่รื่น ดิฉันรู้สึกสบายตัวขึ้นและอยากเข้านอนทันที พี่รื่นหลับแล้วค่ะ เธอหลับง่ายแบบนี้แหละ ดิฉันดับไฟ เหลือแต่ไฟในห้องน้ำที่เปิดประตูแง้มไว้
ไม่ถึงห้านาที...กำลังหลับตาจะ เคลิ้มอยู่ดีๆ ก็ต้องตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคนในห้องน้ำ ทั้งที่พี่รื่นก็หลับอยู่ข้างดิฉันแท้ๆ แล้วใครล่ะ?
ขณะคิดอยู่ ก็เห็นชัดๆ แล้วว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งลอยออกมาจากห้องน้ำ!
คุณพระช่วย! ผมเธอยาวปรกน้ำที่ก้มต่ำ แขนสองข้างลู่อยู่แนบตัว เธอลอยช้าๆ น่าสยองมากๆ ผ่านความมืดสลัวอ้อมมาข้างเตียงด้านพี่รื่น แล้วเธอก็นอนลงติดกับพี่รื่นเลยค่ะ! ที่นอนยุบยวบ เล่นเอาดิฉันชาวาบไปทั้งตัว...ทำอะไรไม่ถูกนอกจากสวดมนต์
พอตั้งสติได้ก็รีบเปิดไฟหัวเตียง แล้วค่อยๆ มองไปตรงนั้น...มันว่างเปล่า!
ดิฉันไม่กล้าเล่าให้พี่รื่นฟัง เพราะไม่อยากให้เธอกลัว แต่เดชะบุญที่เช้านั้นชักโครกในห้องน้ำเสีย เราได้ย้ายไปนอนห้องอื่น ซึ่งดิฉันคิดว่าโชคดีที่สุด...แต่ถึงจะนอนห้องอื่นก็ยังอดหวาดระแวงไม่ได้ เลย
พอถึงกรุงเทพฯ เล่าให้พี่รื่นฟังแทนที่จะกลัวเธอกลับหัวเราะฮึๆ บอกว่าอย่าคิดอะไรมาก หนทางยังอีกไกล ดิฉันต้องอบรมสัมมนาอีกหลายครั้ง! เห็นอะไรก็เฉยไว้ดีแล้ว...เป็นงั้นไปค่ะ!