หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ประสบการณ์ “โดนของ !!

เนื้อหาโดย tanumetn

#ประสบการณ์ “โดนของ

 

ขอแทนตัวเองว่าพ้อยนะคะ สาวแว่น

เรื่องที่พ้อยจะมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องที่โคตรจะน่าเหลือเชื่อมากกกกกกกกกกก

พ้อยคิดว่าทุกคนคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการโดนของมาบ้าง แต่มันยากนะคะที่จะเชื่อ โดยเฉพาะสมัยนี้แล้วด้วย ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีอยู่จริง

เรื่องที่จะเล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของพ้อยเองค่ะ มันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ไม่สิ ต้องพูดว่า..เกิดกับคนที่เรารักมากที่สุดในชีวิต

ใช่ค่ะ มันเกิดขึ้นกับพ่อของพ้อยเอง .

 

         ครอบครัวของเราอาศัยอยู่กันที่จังหวัดหนึ่งใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ่อของพ้อยท่านทำงานเป็นข้าราชการค่ะ เ

รียกว่ามีขั้นที่สูงเลยทีเดียว เป็นบุคคลที่มีน่าตา มีชื่อเสียงเกียรติยศท่านเป็นคนที่ขยันทำงานมากเรียกได้ว่างานไม่เสร็จพ่อก็จะไม่กลับ

ไม่พัก ไม่ว่าจะเสาร์อาทิตหยุดราชการใดๆพ่อก็จะไปทำงานเสมอ ท่านเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

จนบางครั้งพวกเราก็น้อยใจว่าทำไมพ่อไม่หยุดงานแล้วไปเที่ยวกับครอบครัวบ้าง แต่ก็เข้าใจค่ะ ที่ท่านทำก็เพราะครอบครัว

เพราะรายได้หลักของครอบครัวมาจากพ่อคนเดียว ท่านไต่เต้าจากตำแหน่งน้อยๆขึ้นมาเป็นระดับสูงได้ เเละท่านไม่เคยฉ้อโกงเงินหลวงเลยแม้แต่บาทเดียว คือเราภูมิใจมากที่มีพ่อที่เป็นคนดีขนาดนี้ ตั้งแต่เราเกิดมาจนตอนนี้เราอายุ18ปีแล้ว

เรายังไม่เคยเห็นพ่อทำบาปเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าไม่นับตบยุง5555555555

           เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 นั่นคือปีที่แล้วนี่เองค่ะ ครอบครัวเราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมปกติทุกวันจนวันนึง

พ่อกับแม่เรากลับบ้านที่ต่างจังหวัด ก็ไม่มีไรค่ะ ทุกอย่างเหมือนจะปกติ จนกระทั่งเย็นวันนั้น ยายเรามองหน้าพ่อเรา แล้วก็พูดขึ้นมาเฉยๆว่า

"เป็นไรรึเปล่าลูกทำไมหน้าซีดจัง ไม่สบายรึเปล่า" และคงด้วยความกังวลของท่านมั้งคะ หลังจากกลับตจว. ก็เลยไปรพ.เพื่อตรวจสุขภาพ

แต่จริงๆพ่อก็ตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เเล้วนั่นแหละ บวกกับพ่อสังเกตตัวเองว่าตอนถ่ายอุจจาระมันมีสีคล้ำๆ ปวดหลังบ่อยๆ แม่บอกว่าพ่อชอบบ่นว่าที่นอนมีไรรึเปล่านอนไม่ได้เลยเจ็บไปหมด เหมือนมีเข็มมาทิ่ม แล้วคือพ่อก็ไม่ได้นอนเลยจริงๆ

           หลังจากไปตรวจ มันก็มีนัดวันส่องกล้อง ที่ส่องเข้าไปในปากพ่อเราก็ไปส่องคือเราสงสารพ่อมาก พ่อบอกเจ็บมาก ปวดท้อง ปวดมากกแล้วพ่อก็ร้องมันเป็นภาพที่แย่มาก เราร้องตาม สงสารพ่อ ได้แต่บอกว่ามันคงเป็นผลข้างเคียงเดี๋ยวก็หาย มาตรวจดีแล้วจะได้รู้ว่าเป็นอะไรรึเปล่า

ลืมบอกไป พ้อยไม่ได้อยู่กับพ่อแม่นะ ออกมาเรียนกทมตั้งแต่ม.4สอบทุนจากใต้มาค่ะ หวังจะช่วยแบ่งเบา+อยากเรียนพิเศษที่ดีๆ ทำให้ช่วงนั้นเราไม่ได้อยู่กับพ่อเลย ได้ยินแค่สิ่งที่แม่เล่าให้ฟังว่าเป็นยังไงบ้าง แล้ววันที่ผลตรวจออกก็มาถึง แม่บอกว่าเจอก้อนเนื้อแต่โชคดีที่ไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็ต้องตัดออก แล้วก็นัดวันตัดนู่นนี่ ก่อนจะผ่าตัดพ่อก็ต้องเข้ามาตรวจตามที่หมอนัดอยู่บ่อยครั้ง คือเกือบทุกวันเลยก็ว่าได้ เราสงสารพ่อมาก พ่อเคยพูดว่า'ถ้ารู้ว่าเจ็บขนาดนี้ ไม่มาตรวจแล้ว นี่มากี่ครั้งก็เจ็บทุกครั้ง ถ้าไม่มาคงไม่เจ็บ' โอ้ยยย เรานี่แบบน้ำตาไหลอะ ได้แต่ให้กำลังใจบอก'พ่อสู้ๆ อย่าพูดอย่างนี้ เดี๋ยวก็หายแล้ว'

             หลังจากพ่อผ่าตัดคือตัดกระเพาะออกไป 70เปอเซน คือเยอะมาก พ่อกินไรไม่ได้เลย ก็พยายามกิน คือผอมมาก

เรากลับมาตอนนั้นพ่อก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว หมอให้พักรักษาตัวอยู่บ้านพ่อก็ไม่ยอมพัก จำได้ว่าพักได้แค่อาทิตนึงมั้ง แล้วพ่อก็ไปทำงานต่อ เรียกคนขับรถมารับ ทุกวันทนเจ็บ เพื่อไปทำงาน บางครั้งก็ทำไม่ไหวพอถึงที่ทำงานก็ขึ้นไปห้องพักไปนอน บอกแล้วว่าพ่อเราเป็นคนขยันขยันเกิ๊นนน เราจำได้วันนั้นเราอยู่บ้านเราตื่นเช้าเพื่อจะไปสอบทุนเพื่อย้ายรร.พ่อเรากำลังเต้นแอโรบิกหน้าโทรทัศน์ พ่อหันมามองเรา แล้วพูดกับเราว่า ‘พ่อเจ็บจังเลยลูก พ่อจะตายแล้ว พ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย’ คือด้วยความที่ก่อนหน้านี้พ่อก็เคยพูดว่าพ่อเป็นมะเร็งแต่เราถามแม่แม่บอกไม่ได้เป็นพ่อเป็นแค่เนื้องอกธรรมดาแล้วก็ตัดไปแล้วตอนนี้คือรักษาตัวอยู่ พอเราได้ยินพ่อพูดแบบนั้นเราก็ะจะแบบ ‘เห้ออพ่อคิดมากจริงๆ มะเร็งอีกละ เดี๋ยวก็หาย พูดอยู่ได้’ คือด้วยความที่เราไม่อยากให้พ่อคิด เราเลยแบบพูดงั้นไป

เพราะเราก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นมะเร็งจริงๆเพราะแม่ก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่ จนกระทั้งเวลาผ่านไป 7-8เดือน อาการของพ่อก็ทรุดลง แม่โทรมาบอกเราว่าพ่อเข้ารพ กินไรไม่ได้มาเกือบอาทิตแล้วกินแล้วอ้วกออกหมด ผลปรากฏว่าลำไส้พันกัน ต้องผ่าตัด ปีนี้พ่อผ่าตัด2ครั้งแล้ว ปกติพ่อเราเป็นคนอ้วน อ้วนมาก

           ผ่ารอบแรกคือโคตรผอมแล้ว แต่ผ่ารอบนี้คือเขากินไรไม่ได้เลยนอกจากอาหารจากทางสายยาง มีสายระโยงระยางเต็มตัวพ่อไปหมด

อยู่รพ.เกือบเดือน อาการไม่ดีขึ้นเลย กินแล้วก็อ้วกออกมาหมด แม่บอกว่าเหมือนพ่อจะไปหลายครั้งแล้ว คือแบบมันแย่มากนะเว้ย

เรานี่อยากกลับไปหาพ่อมาก ทุกครั้งที่แม่โทรมาเราภาวนาเสมอว่าให้มีข่าวดีเกิดขึ้นแต่..ก่อนสอบ1อาทิตแม่โทรมาหาเราบอกให้กลับมาดูพ่อ เรานี่ช็อกมากกลัวไปหมด ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรได้แต่ภาวนาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองพ่อ

แล้วภาพที่เราเห็นตอนเรากลับไปคือพ่อเปลี่ยนไปมาก ตัวผอม ร่างกายเหมือนหนังหุ้มกระดูก เราจำพ่อแทบไม่ได้ เราเข้าไปหาเค้า กอดเค้า

แล้วเราก็ต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำมาร้องไห้ เราสงสารพ่อ ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้...

          เช้าวันนั้นแม่เล่าให้ฟังว่าเมื่อวานยายเอาดวงพ่อไปให้หมอแถวบ้านดู เขาตกใจ แล้วก็พูดว่า โดนของ ของหนักด้วย มันทำให้กินไม่ได้เลย เอาตายอย่างเดียว ของอยู่ตรงหน้าท้องทางซ้าย หนักมาก ให้เอาน้ำมนตร์ไปให้กิน น้าเราก็รีบขับรถจากตจวมาให้แม่เราที่รพ. พ่อกินน้ำมนต์นั้นได้คืนเดียว ตอนแรกที่ท้องพ่อมีรูที่เป็นจากการผ่าตัดเล็กๆ แต่อยู่ๆมันก็ปริกลายเป็นรูใหญ่ทำให้มีน้ำที่เป็นของเสียในท้องไหลออกมา หมอบอกว่าไม่เป็นไรเพราะยังไงน้ำนั้นต้องออกมาอยู่แล้วก็เลยปล่อยไว้แบบนั้น เราอยู่เฝ้าพ่อได้3วันเราก็ต้องขึ้นกทม.ไปสอบแล้ว กะว่าสอบเสร็จเดี๋ยวจะกลับมา ก่อนเราไปเราก็กราบเท้าพ่อ จุ้บพ่อ เราบอกพ่อว่า 'ห้ามเป็นไรไปก่อนนะ เดี๋ยวพ้อยขอไปสอบก่อนละเดี๋ยวกลับมา

รอพ้อยเป็นทันตะก่อนนะพ่อ' พ่อแกก็อือ ออ บอกรีบไปได้แล้วเดี๋ยวตกเครื่อง พ่อไม่เป็นไรหรอก แล้วเราก็ไป ใครจะไปรู้ว่านั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ทำแบบนั้นกับพ่อ..

      แล้วก็เกิดเรื่องราวประหลาดหลายๆอย่างขึ้น คือพ่อเรามีคนขับส่วนตัวแล้วพี่เขาเป็นคนดีมากเลย พ่อเราเลยรัก และสนิทกับพี่เขามาก

คนขับรถพ่อก็เล่าให้ฟังว่า พี่เขารู้จักกับผู้ใหญ่คนนึงแล้ววันนั้นพี่แกก็ไปขับรถให้ผู้ใหญ่คนนั้นแล้วเหมือนทุกอย่างมันประติดประต่อกันอยู่ๆก็คุยกันแล้วก็เล่าเรื่องที่ดูดวงพ่อเราว่าโดนของให้ผู้ใหญ่ฟัง เขาก็บอกเนี่ยเขารู้จักหมอคนนึงเก่งมากเป็นแขก ลูกสาวแกก็เคยโดนของเกือบตายเหมือนกัน ดีที่ช่วยได้ทัน แกบอกไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกอยากช่วยทั้งๆที่จริงๆแกจะไม่ยุ่งก็ได้ มันรู้สึกแบบแกต้องช่วย เช้าวันต่อทางหมอนัดกับแม่เราที่บ้านประมาณว่าให้ไปดูของที่บ้านตอนนั้นที่ไปก็มีแม่กับพี่ชายคนโต พอไปถึง หมอเขาก็เดินวนไปมาตรงหน้าบ้าน สักพักแกก็พูดขึ้นมาว่าของอยู่ตรงนี้แล้วก็ชี้ไปที่พื้นหน้าบ้านเรา ซึ่งมันมีปูนฉาบอยู่ เขาบอกว่าให้ขุด ทุกคนแบบมองหน้ากัน ไม่รู้จะเชื่อดีมั้ย แต่ก็ทำตามที่หมอบอก ไปเอาจอบมาขุด ก็ไม่เจออะไร หมอบอกขุดอีกลึกหน่อย ขุดไปสักพัก เห้ยยยย เจอว่ะ มันเป็นเหมือนผ้าแบบเศษผ้าเป็นเส้นยาวๆสีแดง มีเส้นผมเป็ดมัดๆที่เคลือบด้วยน้ำตาเทียน มีตะปูประมาน5-6ตัว และที่มันชัดเจนสุดๆคือมีตัวอักษรเขียนอยู่ในนั้นเป็นยันต์ และเขียนว่า  

  ‘ห้ามรับราชการ’ ‘ตาย’ นอกจากนั้นยังมีลักษณะคล้ายหนังสีดำที่ตัดเป็นรูปตุ๊กตามีรูปปืนยิงที่หัว ประมาณว่าเอาให้ตายทุกทางเลย

ทุกคนอึ้งมาก ไม่มีใครอยากจะเชื่อสิ่งเกิดขึ้น เขาก็ทำพิธีแก้ของ แต่เค้าบอกว่าหมอที่ทำเนี่ยแก้ได้อย่างเดียว กันไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องเงียบๆไว้ว่าเรารู้แล้ว หมอเค้าบอกว่ามันทำมาตั้งแต่วันที่21มีนาคม 2557 คนใกล้ตัวเป็นคนทำ ทะเลาะกัน เรื่องเงิน คนขับรถพ่อก็ไปสืบๆมาก็ยังไม่ได้เรื่องไรมากมาย พอกลับไปที่รพ.พ่อเรากำลังนอนอยู่พี่เราอีกคนก็เล่าให้ฟังว่าเนี่ยตอนที่แม่กับพี่ไปที่นุ้นกัน พ่อบอกปวดท้องมากตอนนี้คือพ่อเราใส่หน้ากากออกซิเจนอยู่ พ่อเขียนใส่กระดาษว่า ‘บอกหมอให้เอาแม็กออกจากท้องพ่อที’ ยิ้มงงงมันโคตรแบบโอ้ยย หลังจากนั้นตอนเย็นพ่อแกก็อาการดีขึ้นพ่อก็บอกว่าดีจัง สบายท้องแล้วหมอเอาออกให้แล้วสินะ ทุกคนก็ได้แต่มองหน้ากัน มีแต่แม่ที่คอยคุยกับพ่อ ถามนุ้นนี่พ่อ ตอนนั้นพ่อเราเริ่มเลอะเลือนอะ จำไรไม่ค่อยได้ เริ่มเพ้อ แล้วแต่ละเรื่องที่แกเพ้อออกมาคือเป็นเรื่องงานทั้งนั้นเลย

‘ถามว่ารู้มั้ยว่าตอนนี้พ่ออยู่ไหน พ่อไม่สบายนะ พ่อต้องรักษาตัวเองก่อนอย่าไปห่วงเรื่องงาน งานใครๆก็ทำได้ เดี๋ยวพ่อต้องรักษาตัวก่อนแล้วค่อยไปทำงาน พาแม่ไปเที่ยวทะเลที่พ่อบอกไง’ แม่เราร้องไห้บ่อยมาก แทบจะทุกครั้งที่พูด แม่เชื่อตลอดดว่าพ่อต้องหาย

ไม่หรอกต้องบอกว่าทุกคนเชื่อว่าพ่อต้องไม่เป็นอะไรพ่อ แม่เราก็มองอยู่ตลอดว่าหมอทำอะไรสักพักหมอแกก็หยิบอะไรบ้างอย่างเป็นมัดเล็กๆใส่มือแม่เรา 8 มัด มันคือเส้นผมที่เคลือบด้วยน้ำตาเทียน หมอก็บอกให้ตัด แม่เราก็ตัดๆ หมอแกก็ดูผ่านแก้วน้ำ

ก็พูดว่า พอจะมีรูปที่ทำงานของพ่อบ้างมั้ย จะบอกให้ว่าใครเป็นคนทำ เค้าก็พูดแบบเดิมอะว่าเป็นคนใกล้ตัว ทะเลาะกันเรื่องเงิน เขาอิจฉา

แม่เราก็เปิดรูปในโทรศัพท์พ่อให้หมอดู เป็นรูปที่ทำงานที่ประชุมกัน หมอแกก็ดูๆๆ สักพักก็ชี้บอก คนนี้แหละดูกี่ครั้งก็เป็นคนนี้

แม่เราก็ถามคนขับรถ เขาก็บอกว่าว่าแล้วเชียว เพราะมันมีความเป็นไปได้ เพราะคนนั้นเขาเป็นลูกน้องพ่อ ขอแทนว่านายอ.

เขาเป็นคนบ้านเดียวกับพ่อเราด้วย ย่าเราก็มาเล่าให้ฟังว่า ‘มิน่าล่ะ อยู่ๆถึงมาถามถึงอาการพ่อว่าเป็นไงบ้าง’ ทั้งๆที่พ่อเราไม่ได้บอกใครเลยช่วงที่รักษาตัวที่รพ. เพิ่งมาบอกเอาตอนที่เป็นหนักมากแล้ว เพราะแกห่วงว่าจะมีใครว่าแกไม่ทำงาน ดูดิ เป็นขนาดนี้แล้วแกก็ยังคิดแต่เรื่องงาน

                  แล้วเรื่องที่ไปสืบมาที่เกี่ยวกับเรื่องเงินก็ประมาณว่าเมื่อปีที่แล้วพ่อน่าจะทำโครงการไรสักอย่างแล้วเงินที่ทำมันเหลือ นายอ.ก็เลยเหมือนจะขอเงินที่เหลือเหมือนประมาณจะเก็บไว้เอง โกงอะเรียกง่ายๆ แต่พ่อเราเป็นหัวหน้าไง เขาไม่ยอม แล้วพ่อเราก็คงไปพูดไรให้นายอ.เจ็บช้ำเลยแค้นประมาณนั้น เพราะเหมือนคนที่ทำงานก็แบบรู้กันว่าไอเนี่ยมันจะเอาตังค์ นี่คือที่เขาสันนิฐานกัน เพราะมันมีมูลอยู่

หลังจากที่หมอแกทำพิธีเสร็จแกก็เขียนอะไรบางอย่างใส่กระดาษแล้วให้แม่เรา เป็นตัวเลข เขียนว่า ‘23 กรกฎาคม 2558’ เค้าบอกเป็นวันตายพ่อเรา ซึ่งวันนั้นวันที่18 กรฏาคม อันนี้เรามารู้ตอนหลังแล้วพี่เราเล่าให้ฟัง

หลังจากวันนั้นพ่อก็ดีขึ้น น้ำในปอดก็น้อยลง คือดีขึ้นมากกกก ทุกคนเริ่มมีความหวัง จากที่พ่อเรากินไรไม่ได้เลยนอกจากน้ำเปล่ากับน้ำเก๊กฮวย

พ่อก็บอกอยากกินนุ้นนี้ แม่เราเลยถามหมอ หมอบอกกินได้ กินเลย ให้เค้าได้กิน เหมือนอาการมันดีขึ้นแล้ว แต่ช่วงนั้นคือพ่อเราเพ้อหนักมาก

แต่ละเรื่องที่เพ้อคือมีแต่เรื่องงานทั้งนั้น แบบบอกพี่เราให้เอาโทรศัพท์ไปให้เขา ‘เอาโทรศัพท์มาให้พ่อเร็ว เผื่อมีคนโทรมาตามพ่อไปประชุม’ เรียกแม่เราไปหา จับมือแม่เรา แล้วพูดว่า ‘ขอบคุณนะที่พิมพ์งานให้’ แต่ละเรื่องคืองานทั้งนั้นเลย คิดดูดิ อ๊ากกก

จนวันจันทร์ที่20 กรกฎาคม พ่อเราก็กินนุ้นนี่ปกติ แม่เราก็ดีใจที่พ่อเรากินได้ พอตกบ่ายๆ พ่อหายใจถี่ขึ้น บอกแม่เราว่าเหนื่อยจังเลย แม่เราเลยไปตามหมอ ก็เลยให้ออกซิเจนพ่อ ให้พ่อได้พักผ่อน พ่อเราก็นอน เวลาเรียกหรือไรพ่อก็ตอบสนองได้ปกติ จนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนได้มั้ง พ่อเราก็นิ่งๆไป แบบนิ่งไปเลย แม่เลยตามหมอ หมอบอกว่าน้ำเต็มปอดอีกแล้ว

อาการจากที่ดีๆตอนแรกคือไปหมดแล้ว หมอพูดหันมาถามแม่ว่า ‘คนไข้ยังห่วงอะไรอีกมั้ย’ แม่บอกยังมีลูกคนเล็กจะกลับมาอาทิตหน้า หมอบอกว่าถ้าอาทิตหน้าคงจะไม่ทัน หมอคงช่วยได้ในระยะเวลาที่จำกัด ให้ทำใจ

แล้ววันอังคารที่21 กรฎาคมตอนเที่ยงๆแม่เราก็โทรมาบอกให้เรากลับบ้านเลยพรุ่งนี้ ตอนนั้นเราก็คิดไว้แล้วว่าต้องมีไรแต่ก็พยายามไม่คิดมากเพราะเหมือนครั้งที่แล้วแม่ก็โทรมาแบบนี้แต่ก็ไม่มีไร เราเลยไม่ได้ถามไรไป เวลาประมาณ2ทุ่มเราก็โทรไปถามแม่ว่าเอากระเป๋าไรไปดีบลาๆ เราเลยถามไปว่าพ่อเป็นไงบ้าง แม่ก็เริ่มอึกอัก แล้วก็ร้อง บอก ‘มาดูพรุ่งนี้เลยลูก รีบๆกลับมา มาดูพ่อ เหลือพ้อยคนเดียวแล้วลูก รอแค่พ้อยแล้วลูก’

เราอึ้งมาก ภาพในหนังช่อง7ฉายเข้ามาในความคิด ทุกอย่างมันตีกันไปหมด ไม่อยากจะเชื่อ ภาวนาขอให้สิ่งที่แม่พูดเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ไม่..

ยังไงความจริงก็คือความจริง แม่ร้อง เราร้อง ทุกคนในห้องร้อง เราวางสายจากแม่ไป ใช้ความคิดกับตัวเองไม่ถึงครึ่งชม.

แม่เราโทรกลับมาตอนประมาน2ทุ่มกว่าๆ บอกให้เราพูดกับพ่อ ‘ พูดกับพ่อหน่อยนะ แต่พ่อพูดไม่ได้นะลูก’ เราก็พูดยาวเลย พูดทุกอย่างที่อยากพูด ‘บอกว่าให้รอเราก่อน ไหนบอกจะรอไง ยังไม่ได้เป็นทันตะให้เห็นเลย ยังไม่ได้เจอกันเลย พ่อบอกว่าจะเจอพ้อยก่อน พ่อบอกจะไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรอ ‘ พูดจบแม่ก็บอกว่า ‘พน.รีบมาดูพ่อนะ เราต้องยอมรับความจริงนะลูก’ ยิ้มเป็นประโยคที่เราอยากจะเอามีดมากรีดหน้าตัวเองมากเลย

ระหว่างนั้นเราก็คุยเฟสก็พี่เรา ถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ตอนแรกมันยังดีๆไม่ใช่หรอ มันไม่มีโอกาสหายแล้วหรอ บลาๆ ประมาณ3ทุ่ม15ได้ พี่เราบอกว่า ‘พ้อย พ่อเสียแล้วนะ เสียหลังจากแกพูดจบแปปนึงอะ.. ช็อกค่า โอ้ววว น้ำตาไหลพรั่กๆ เหมือนจะบ้าอะตอนนั้น หายใจไม่ออก ไม่อยากจะเชื่อ แต่ต้องเชื่อ.. เรากลับไปถึงบ้านวันพุธที่22กรกฎาคมคือวันนั้นก็ยังทำอะไรกับศพพ่อไม่ได้เพราะเป็นวันพุธก็ต้องรอพรุ่งนี้วันพฤที่ 23 กรกฎาคม ถึงจะเคลื่อนศพได้ พ่อเคยพูดไว้ว่าถ้าแกเป็นไรไปให้เอาแกกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด  

              แม่เราก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนก่อนพ่อจะเสียแม่ให้ยายเอาดวงพ่อเราไปดูอีกรอบนึง ปรากฏว่าหมอคนนั้นบอกดูไม่ได้ เพราะพ่อเกิดวันพุธ แม่เลยเอาดวงแม่ไปให้ดูแทน หมอแกก็บอกมาว่ามีวิธีคือให้แม่ไปสวดบทสวด[จำชื่อไม่ได้]ที่ต้นไม้ใหญ่ 1 คือพ่อจะรอด 2คือพ่อจะไปเร็วกว่าเดิม ให้วัดดวงเอา แม่เราก็เลยเสี่ยง ก็ทำตามที่หมอบอก แม่บอกนั่นแหละหลังจากวางจากพ้อยแล้วแม่ก็ลงไปทำ พอขึ้นมา สักแปปเดียว แปปเดียวจริงๆ พ่อก็ไปเลย มันเร็วมากเร็วจนน่าตกใจ บวกกับคนขับรถพ่อเราก็ขับรถไปตามหาหมอคนนั้นที่เคยมาแก้ให้พ่อเรา ไปหาถึงบ้าน เจอแต่แม่ของหมอ เขาบอกว่าหมอคนนั้นไม่อยู่ ไปมาเลย์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คือแบบ เราคิดว่ามันคงถึงคราวแล้ว มันคงลิขิตมาแล้วให้เป็นแบบนี้จริงๆ

เนื้อหาโดย: tanumetn
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
tanumetn's profile


โพสท์โดย: tanumetn
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ดราม่าหนัก ชาวกัมพูชาวิจารณ์เดือด หลังถูกยกเลิกเป็นเจ้าภาพ Miss Grand International 2024เจอไซบีเรียนตัวตึงตัวเต็ง ยืนสอดแนมบนหลังคา ของแท้ไม่มีหลุดคิวซีดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ แจงภาพคู่บอสพอล The iCON ยืนยันแค่รับจ้างสัมภาษณ์ ไม่ได้ร่วมลงทุนธุรกิจตำรวจทำลายของกลาง ปิดสวิตเด็กแว๊นมิน พีชญา น้ำตาคลอ เสียงสั่นขอโทษ - ยืนยันทำแค่ PR'ธันวา'ช้างไทยที่วาดรูปสวยไม่แพ้คน!เตรียมตัวให้พร้อม! "เที่ยวคนละครึ่ง" แจก 2,000 บาท เที่ยวไทย กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี"ธี่หยด 2" ทำลายสถิติหนังไทย..เปิดตัววันแรกรายได้ทะลุ 100 ล้าน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
มิน พีชญา แถลงยืนยันเป็นเพียง PR ไม่ใช่หุ้นส่วนของ The iCon Group ยกเลิกสัญญา ขออยู่ข้างประชาชนมิน พีชญา น้ำตาคลอ เสียงสั่นขอโทษ - ยืนยันทำแค่ PRเตรียมตัวให้พร้อม! "เที่ยวคนละครึ่ง" แจก 2,000 บาท เที่ยวไทย กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี'ธันวา'ช้างไทยที่วาดรูปสวยไม่แพ้คน!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ผู้โดยสารเมาอาละวาดบนเที่ยวบิน Jet2 ตะโกนด่า " F* you all! "ขณะถูกลากลงจากเครื่องบินทนายตั้มแฉ "บอสพอล" เบี้ยวนัด ติดต่อไม่ได้ ไม่ยอมคืนเงินผู้เสียหายตามสัญญา!มูลนิธิวอชด๊อกข่มขู่'นับศพ'ผู้ถูกคุกคามลงบันทึกประจำวัน!อัปเดต"น้ำท่วมอยุธยากระทบ 7 อำเภอ บางจุดน้ำยังแรง
ตั้งกระทู้ใหม่