น้องร้องไห้ทำไม !!
ชื่อเรื่องน้องร้องไห้ทำไม
เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณเอก (นามสมมติ) ตอนที่คุณเอกอายุ 17 ปี กำลังจะเข้าเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่ง
คุณเอกต้องนั่งรถสองแถวออกไปเรียนเองอยู่บ่อย ๆ
ซึ่งท่ารถสองแถวนี้ ตั้งอยู่หน้าวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้เกิดขึ้นที่วัดแห่งนี้
วันหนึ่งเวลาประมาณบ่าย 2 ขณะที่คุณเอกกำลังเดินไปที่ท่ารถเพื่อรอรถกลับบ้าน ตอนนั้นเงียบสนิทเพราะเด็กนักเรียนยังไม่เลิกเรียนกัน
ขณะที่คุณเอกกำลังเดินผ่านบริเวณหน้าวัดไปขึ้นรถ คุณเอกเห็นเด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ 8-9 ขวบ ตัดผมม้า ใส่ชุดนักเรียน ยืนร้องไห้อยู่ใกล้ ๆ บริเวณท่ารถสองแถว
คุณเอกจึงเดินเข้าไปถามว่า
“น้อง ร้องไห้ทำไม หลงทางรึเปล่า”
พอพูดจบเด็กคนนั้นก็เอื้อมมือหนึ่งมาคว้ามือคุณเอก แล้วบีบไว้แน่นเหมือนกลัวว่าคุณเอกจะเดินหนีไป แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ได้ตอบอะไร
คุณเอกจึงถามไปอีกครั้งว่า
“บ้านน้อง อยู่ไหนเนี่ย อยู่แถวนี้รึเปล่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมตอบอะไร ได้แต่กำมือคุณเอกไว้แน่น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว แต่ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ได้ชี้มือข้ามศรีษะตัวเองไปทางบริเวณวัด เหมือนจะเป็นการตอบว่าบ้านเขาอยู่แถวนั้น
คุณเอกจึงตัดสินใจ จูงมือเด็กคนนั้นเข้าไปในวัด พอเดินผ่านซุ้มประตูวัดเข้าไปคุณเอกเห็นศาลาวัดอย่างทางขวามือไม่ไกลนักจากซุ้มประตูทางเข้า ศาลานั้นมีคนนั่งกันอยู่ประมาณ 6-7 คน
เป็นคนเฒ่าคนแก่ทั้งหมด อายุประมาณน่าจะ 70-80 กันทุกคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ผู้ชายอยู่ 2-3 คน คุณตาคุณยายกลุ่มนั้นแต่งตัวแบบคนแก่โบราณ
พวกเขากำลังนั่งคุยกันบนแคร่ไม้ไผ่ บางคนก็นั่งกินหมากไปด้วย ทุกคนคุยกันเสียงดังดูเฮาฮามีความสุขกันมาก
คุณเอกจึงเดินเข้าที่ศาลาและถามว่า
“คุณตาคุณยาย รู้จักบ้านน้องคนนี้มั้ย เห็นเขายืนร้องไห้อยู่ที่หน้าวัด ถามอะไรก็ ไม่ยอมตอบ”
แต่คุณตาคุณยายเหล่านั้นก็ยังคงไม่สนใจ และคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน
คุณเอกจึงถามไปอีกครั้งว่า
“คุณยาย รู้จักน้องคนนี้มั้ย เห็นเขาชี้มาว่าบ้านเขาอยู่แถวนี้”
คุณยายคนหนึ่งในกลุ่มก็ได้หยุดคุยแล้วหันมาหาคุณเอก แล้วก็พูดออกมาประโยคเดียวว่า
“เขาก็อยู่ที่นี่แหละไอ้หนูเอ้ย “
พอคุณยายพูดจบ คุณยายและทุกคนในศาลาก็พากันหัวเราดังลั่น
ทันใดนั้นคุณเอกก็รู้สึกหน้ามืด และเข่าก็ทรุดลงไป
พอทุกอย่างมืดลงคุณเอกก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นมา
“น้อง ๆ เป็นอะไรรึเปล่า ไม่สบายหรอ จะไปหาหมอมั้ย”
คุณเอกจึงได้สติ และลืมตาขึ้นมา เห็นน้าผู้หญิงคนนึงกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ หัวเข่าของคุณเอกถลอกไปหมด คุณเอกเห็นว่าไม่เป็นอะไรมากก็เลยบอกน้าคนนั้นไปว่าไม่เป็นอะไร
คุณเอกเลยเล่าให้น้าคนนั้นฟังว่าตนเองกำลังพาน้องผู้หญิงคนนั้นไปส่งบ้าน
น้าคนนั้นก็ถามว่า
“อ้าว แล้วน้องคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ”
คุณเอกจึงตอบกลับไปว่า
“เมื่อกี้ยังเดินจูงน้องมาอยู่เลย แล้วยังถามคุณยายในศาลานี้ อยู่เลยว่าบ้านน้องเขาอยู่ไหน”
คุณเอกยังไม่ทันพูดจบก็หันไปเห็นว่า ศาลานั้นกลับว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่แคร่ที่คุณยายใช้นั่งกันอยู่
คุณเอกหันกลับไปบอกน้าคนนั้นว่าเมื้อกี้ ยังเห็นคนนั่งเต็มศาลาอยู่เลย คุณเอกตกใจมากไปกว่านั้นเมื่อน้าคนนั้นบอกต่อไปว่า
“น้าขายของอยู่ตรงนี้ ก็เห็นหนูเดินมาคนเดียวแล้วก็ล้มลงไป น้าก็เลยวิ่งมาดู”
คุณเอกก็ได้แต่ขอบคุณน้าคนนั้น และบอกว่า
“ผมไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวจะกลับบ้านแล้วครับ”
หลังจากที่คุณเอกเดินกลับออกมาจากวัด คุณเอกได้เดินผ่านบล็อกที่เก็บศพ ที่เอากระดูกไปไว้และมีรูปภาพติดไว้ คุณเอกเหลือบไปเห็นรูปของคุณตาคุณยายเป็นคนเดียวกับที่เห็นที่ศาลา
คุณเอกจำหน้าคุณคนยายได้ดีคนที่บอกว่า
“บ้านน้องก็อยู่นี่แหละ”
แล้วก็มีรูปน้องคนนั้นติดอยู่ข้าง ๆ รูปของคุณยาย ….
เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้