สุดสยองผีนางรำ ที่ขึ้นมารำด้วยในวันงาน !!
สุดสยองผีนางรำ ที่ขึ้นมารำด้วยในวันงาน
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราม.5 เราได้ถูกอาจารย์คัดเลือกให้รำเปิดพิธีเปิดตึกเรียนใหม่การแสดงมีหลายชุด ชุดแรกเป็นรำอวยพร ชุดที่สองเป็นรำสุโขทัย
ส่วนเรารำระบำกฤษดาภินิหารคู่กับตัวพระซึ่งเป็นกระเทยเพื่อนเราเอง
ปกติรำกฤษดาภินิหารจะนิยมรำ2คู่ คือตัวพระ2 ตัวนาง2 แต่ด้วยความที่
ตัวพระของโรงเรียนเรานั้นหายาก จึงรำแค่คู่เดียวคือเรากับเพื่อน ทุกครั้งที่ซ้อมเราจะไหว้พ่อแก่ทุกครั้ง และกล่าวขอโทษทุกครั้งหากรำผิดพลาดตรงไหน
เรารู้สึกใจหวิวๆตั้งแต่ตอนซ้อมก่อนวันงาน2อาทิตย์แล้ว แต่เราก็คิดซะว่าเราคงคิดมากไปเองเพราะกระเทยเพื่อนเรานางก็พอมีเซ้นแต่นางไม่ได้พูดหรือทักอะไร เราจึงไม่คิดอะไรมากทุกวันตอนเรารอซ้อมรำพร้อมเพื่อน เราจะซ้อมท่าต่างๆรอก่อนห้องซ้อมรำจะเป็นห้องกระจกนะคะกระจกรอบห้องเลย ด้านหลังบนสุดจะเป็นพ่อแก่ ถัดมาจะเป็นพวกชฎา เกี้ยวหัว และชุดไทย เครื่องประดับต่างๆ ตรงเหนือกระจกกลางห้องจะมีหุ่นนางรำตัวพระกับตัวนางวางอยู่ข้างบน ทุกครั้งที่รอเพื่อนมา เราก็จะทบทวนท่ารำเพื่อให้ซ้อมไวขึ้นจะได้กลับบ้านเร็ว น้องๆที่รำชุดอื่นก็จะทยอยกลับบ้านแล้วเพราะเวลาเลิกเรียนของม.5คือ 5โมงเย็นกว่าเราจะลงมาซ้อมรำ เด็กๆก็กลับกันเกือบหมดแล้ว
วันนั้นเราซ้อมรำอยู่คนเดียวแต่ความรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอด เวลาเอียงหัวรำท่าต่างๆหางตาจะมองเห็นเหมือนมีคนมารำด้วย ตอนนั้นเรากลัวมากเหงื่อแตกเต็มไปหมดทั้งๆที่ห้องซ้อมรำเป็นห้องแอร์
“แกร๊ก” กระเทยเพื่อนเราเปิดประตูเข้ามา มันทำหน้างงๆแล้วถามเราว่า
“เมื่อกี้ครูออกมาดูท่าให้หรอ เห็นยืนรำท่าเดียวกันเลย” เราเงียบไม่พูดจนเพื่อนสังเกตุได้ว่าเราหน้าซีด จึงให้พักก่อนแล้วค่อยมาซ้อมกันก่อนจะกลับบ้าน
คืนก่อนวันจริงเรารีบเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพราะต้องรีบไปโรงเรียนแต่เช้าช่วงที่เรากำลังเคลิ้มจะหลับเราเห็นเงาจากแสงที่ลอดมาจากหน้าต่างตรงกลางห้องเราเห็นเหมือนผู้หญิงกำลังร่ายรำอย่างอ่อนช้อย เรารีบข่มตาแล้วท่องนะโมตัสสะจนเผลอหลับไปพอตื่นนอนเรารีบออกจากบ้านตั้งแต่ตี5เพื่อไปแต่งหน้าทำผม ตั้งแต่ก้าวออกจากบ้านหมาก็หอนทันที เหมือนกับมันนัดกันหมาในซอยหอนดังลั่นจนพ่อเราขี่รถมอไซด์ออกมาเพื่อไปส่งเรา พอมาถึงโรงเรียนเราก็มาแต่งหน้าทำผมทันทีการแต่งกายของระบำกฤษดาภินิหารเป็นชุดเครื่องใหญ่หากนึกไม่ออกให้นึกถึงชุดนางสีดาในเรื่องรามเกียรติ์ไว้นะคะ ชุดแบบนั้นเลย พอแต่งตัวเสร็จเรารู้สึกอึดอัดมาก
จะว่าเพราะชุดมันแน่นไปก็ไม่ใช่แน่ อึดอัดอยู่ในอก พอเราแต่งตัวเสร็จสักพักกระเทยเพื่อนเราก็เดินมาหา นางแต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกัน นางพูดออกมาว่า “จะเกิดไรขึ้นก็รำให้จบเพลงนะ มีสติไว้มากๆ” เราแทบอยากจะร้องไห้
เพราะคำพูดของมันเราทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น
จนเวลาใกล้9โมงที่พิธีเปิดงานจะเริ่ม การแสดงชุดต่างๆก็ไปแสตนบายที่หลังเวทีในสนามหน้าเสาธง การแสดงชุดแรกและชุดสองผ่านไป จนถึงการแสดงของเราเราและเพื่อนร่ายรำตามแบบที่ซ้อมกันมา ใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งๆที่ในใจเรากลัวเหลือเกินความรู้สึกอึดอัดก็ทวีเพิ่มขึ้น จากรำแค่2คนเราสัมผัสได้ถึงนางรำตัวนางอีกคนที่ยืนรำอยู่ข้างหลังเรา เสียงดนตรีดังขนาดไหน แต่เราได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดอยู่ข้างหลังเราอยากจะวิ่งหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพื่อนเราบอกเราไว้ให่รำให้จบเพลงจนถึงช่วงสุดท้ายของเพลงเราเอียงหัวไปทางซ้าย เราได้ยินเสียงผู้หญิงพูดว่า “ตั้งใจรำสิ”
พร้อมกับความรู้สึกเหมือนโดนมือจับหัวเราให้เอียงอย่างช้าๆตามจังหวะเพลงเราเริ่มน้ำตาคลอ เหมือนมือเย็นเฉียบทั้งๆที่อากาศร้อนมาก ในใจอยากเร่งให้เพลงจบไวๆจนอีกอึดใจการแสดงของเราก็สิ้นสุดลง เราตัวสั่นเทิ้ม จนต้องมีคนพยุงเราออกจากตรงนั้น
อาจารย์พามานั่งพัก กระเทยเพื่อนเราวิ่งตามมา อาจารย์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เรายังไม่ทันพูดอะไร เพื่อนเราพูดว่า “มีคนมารำกับพวกหนู เป็นตัวนางมายืนรำอยู่ข้างหลัง..(ชื่อเรา)” เราหันไปมองหน้าเพื่อน เราถามมันว่ารู้ได้ยังไง คำตอบที่ได้คือ“ก็กูเห็นเงาใส่ชุดไทยเดินตามตั้งแต่ตอนแต่งตัวเสร็จแล้ว พอตอนรำกูก็เห็นเค้ายืนรำอยู่ข้างหลัง บางทีเขาก็ประคองมือรำ”
วันนั้นทั้งวันเราอยู่ในอาการหวาดกลัวจนต้องโทรบอกให้แม่มารับกลับบ้าน
วันถัดมาเรามาโรงเรียนตามปกติ แต่มีอาจารย์ท่านหนึ่งทักเราว่า
“กฤษดาภินิหารมันต้องรำเป็นคู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเมื่อวานรำกัน3คน?”
หลังจากวันนั้นเรารีบชวนกระเทยเพื่อนเราไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้แก่สิ่งที่เรามองไม่เห็นนั้นจากนั้นเราก็ทำใจอยู่นานกว่าจะเข้าห้องนาฎศิลป์ได้ แต่ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เวลารำอะไรก็ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเลย อาจารย์และคนอื่นๆเชื่อว่าวิญญาณตนนั้น คงอยากให้การแสดงของเราออกมาอย่างไม่ผิดพลาดจึงมาคอยช่วยเหลือ