‘เศรษฐา ทวีสิน’ พบผู้ประกอบการนักธุรกิจและภาคเอกชน จังหวัดพังงา
เผยในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต้อง ‘ลดหนี้-เพิ่มรายได้’ ชูการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขยายวีซ่า เปิดตลาดใหม่ เร่งหาเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด
ที่โรงแรม Moracea by Khaolak Resort อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานด้านนโยบายพรรคเพื่อไทย จักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคและคณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยว สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล สส.บัญชีรายชื่อและคณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยว จักรพล ตั้งสุทธิธรรม อดีต สส.เชียงใหม่และคณะทำงานด้านนโยบายการท่องเที่ยว คณาพจน์ โจมฤทธิ์ คณะทำงานด้านนโยบายท่องเที่ยว และ ศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ คณะทำงานด้านนโยบายท่องเที่ยวลงพื้นที่รับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม นักธุรกิจและผู้ประกอบการภาคเอกชนในจังหวัดพังงาว่าพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันในภาพรวม ชูการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หาตลาดท่องเที่ยวกลุ่มใหม่จากประเทศฝั่งยุโรปเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างยั่งยืน
1.เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากตัวแทนผู้ประกอบการภาคเอกชนว่าเป็นสิ่งที่น่าแปลกใจที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีนายกรัฐมนตรีลงมารับฟังปัญหาในพื้นที่จังหวัดพังงา แม้ว่าจังหวัดพังงาจะไม่มี สส.เพื่อไทย เพราะการลงพื้นที่ภูเก็ตพังงา ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะตนมาทำงานเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม การมาพังงาครั้งนี้ เพราะเห็นว่าจีดีพีประเทศตกต่ำหนัก ดังนั้น ทำอย่างไรที่จะต้อง ‘ลดหนี้-เพิ่มรายได้’ ซึ่งเร็วที่สุดคือต้องหารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักและวันนี้ก็ไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมแกนนำพรรคที่มีประสบการณ์และว่าที่รัฐมนตรีที่จะรับผิดชอบด้านนี้ด้วย
2.เศรษฐา กล่าวว่าจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการ 2 วันที่ผ่านมาพบว่าภูเก็ตและพังงา มีโครงการพัฒนาอยู่จำนวนมาก และแต่ละโครงการก็มีวิธีวิเคราะห์แตกต่างกัน บางโครงการผลตอบแทนต่ำ แต่ถ้าดูองค์รวมของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั้งจังหวัดและภูมิภาค ผลตอบแทนน่าจะคุ้ม ฉะนั้น เวลารัฐบาลพิจารณาจะดูในภาพรวม ไม่ได้ดูแค่ภูเก็ตหรือพังงาแต่ดูภาพรวม และยังต้องดูควบคู่ไปกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่นเรื่องประปา การบำบัดขยะ น้ำเสีย ซึ่งจะต้องดูควบคู่กันไปด้วย
3.เศรษฐา กล่าวถึงมาตรการการยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวกลุ่มจีน อินเดีย และรัสเซียที่เป็นตลาดท่องเที่ยวหลักว่าเราสามารถพิจารณายกเว้นวีซ่าและขยายเวลาให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้พำนักอยู่ในไทยได้ถึง 90 วัน ยกตัวอย่างนักท่องเที่ยวในประเทศที่อยู่แถบเมืองหนาว ประเทศเหล่านี้ก็สามารถไปเปิดตลาดใหม่ได้ รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ตลาดกำลังเติบโต จุดนี้ก็ต้องระวังว่าจะต้องเตรียมความพร้อมให้ดี นอกจากนี้ยังรวมถึงด้านระบบคมนาคมขนส่ง เช่น รถเมล์ไฟฟ้า ก็สามารถทำได้เช่นกัน
4. ส่วนประเด็นข้อเสนอแนะเรื่องจัด ครม.สัญจรกลับมาพังงานั้น เศรษฐ กล่าวว่าการประชุม ครม.สัญจรเป็นเรื่องสำคัญ เพียงแต่ว่าถ้ามาทั้งคณะบางครั้งอาจลำบากก็สามารถใช้เทคโนโลยีประชุมได้ รวมถึงอาจปรับให้เป็น ครม.คณะเล็ก เช่น ครม.เศรษฐกิจ ครม.ความมั่นคง กลุ่มเล็กลงมาประชุมพูดคุยจะคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะได้กลับมาเยี่ยมติดตามงานที่พังงาอีกครั้ง
อ้างอิงจาก: fb พรรคเพื่อไทย