หนุ่มจีนช็อก เรียนมาแล้ว 4 ปี เพิ่งรู้ไม่มีชื่อเป็นนศ. ตั้งแต่แรก

     สื่อนอกรายงานว่า "ชายจีนที่ชื่อว่า "จาง" วัย 18 ปี มีผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่ไม่น่าพอใจนัก เมื่อเขากำลังตัดสินใจว่าจะเลือกวิทยาลัยอื่น หรือ รอสอบใหม่ปีหน้าเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเดิม แต่ในเวลานั้นได้มีคนรู้จักบอกว่า "สามารถช่วยให้เขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหวู่ฮั่น ผ่านช่องทางพิเศษ แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 150,000 หยวน" และ "หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง พ่อของเขาก็ยอมจ่ายเงิน เพื่อให้ลูกชายมีอนาคตที่สดใส หลังจากนั้นไม่นาน เอกสารการรับเข้าเรียนก็ถูกส่งมาให้ เป็นการยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัย ได้รับเขาเข้าเป็นนักศึกษาแล้ว!!"

     เมื่อเขาเข้าไปในมหาวิทยาลัย เขาได้รับคำแนะนำจากครูที่ปรึกษาคนหนึ่ง อีกทั้งรูมเมทของเขาก็เป็นคนที่เข้าเรียน ผ่านช่องทางพิเศษแบบเขาเหมือนกัน โดยค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของนักศึกษากลุ่มนี้ จะสูงกว่าปกติหลายเท่า แต่ทุกคนล้วนเต็มใจที่จะจ่ายบเงิน...

     ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียนในมหาวิทยาลัย เขาก็รู้สึกว่ามีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เช่น ชื่อของเขาไม่อยู่ในรายชื่อคลาสเรียน ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าค่ายเตรียมทหารของมหาวิทยาลัย แต่ต้องถูกแยกไปอยู่ในพื้นที่อื่นๆ และ ไม่มีแม้กระทั่งบัตรนักศึกษา ทุกครั้งที่เข้าสอบ ก็ถูกแยกไปสอบกับเพื่อนอีก 31 คนที่เข้ามาด้วยช่องพิเศษ แบบเดียวกับเขา จนเขาคิดว่าเหมือนถูกเลือกปฏิบัติ...

     จนกระทั่ง...มารู้ว่า 4 ปีที่เรียนมาทั้งหมด มันเพียงเรื่องหลอกลวงของใครสักคน หลังจากที่เพื่อนๆทุกคนอยู่กับ การทำโปรเจกต์จบการศึกษา แต่เขากลับไม่ได้มีรับมอบหมายงานใดๆ จากอาจารย์เลย ด้วยความใจร้อนเขาจึงตรงไปที่ สำนักวิชาการของมหาวิทยาลัย และ เขาก็ได้รู้ถึงความเป็นจริงว่า "ชื่อของคุณ ไม่ได้อยู่ในระบบ ของมหาวิทยาลัยนะ" ซึ่งนั่นหมายความว่า "คุณไม่เคยได้รับเข้าเรียน ในมหาวิทยาลัยของเรา!!" แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆอีก 31 คนฟัง เมื่อทุกคนได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็ตกอกตกใจไปตามๆกัน พวกเขารีบไปที่สำนักงานดังกล่าว เพื่อตรวจสอบสถานะ การเป็นนักศึกษาของพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็พบกับความจริงเช่นเดียวกัน...

     หลังจากนั้นทางครอบครัวของพวกเขา ก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วม โดยนำหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนที่ได้รับ เมื่อ 4 ปีก่อนมาใช้เป็นหลักฐานยืนยัน แล้วผู้อำนวยการฝ่ายรับสมัคร ของมหาวิทยาลัยหวู่ฮั่น ก็ได้ออกมากล่าวว่า "หลังจากตรวจสอบ พบว่าเอกสารดังกล่าวว่า เป็นของปลอม" และ "เอกสารดังกล่าว ไม่ได้ออกโดยมหาวิทยาลัย..."