รวบแก๊งส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง พร้อมยึดของกลาง สินค้าไม่ตรงปกอีกเพียบ
ในเพจตำรวจไซเบอร์ 2 ได้รับแจ้งจากประชาชน หลังได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายอย่างหนัก
ในกรณ๊มีพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทาง จึงได้ทำการสืบสวน จนกระทั่งได้ทราบว่า พัสดุดังกล่าวนั้นถูกส่งมาจาก
บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง สาขาบางกร่าง จังหวัดนนทบุรี และเมื่อตรวจสอบจึงพบว่ามี
นายเอกฉันท์ ผ่องใส เป็นผู้ส่งพัสดุมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อตำรวจได้ได้ไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวข้างต้น พบว่า ในเวลาประมาณ 10 วัน มีการส่งพัสดุนี้
กว่า 1-2 หมื่นชิ้น ทั้งหมดเป็นพัสดุที่เก็บเงินปลายทางและถูกตีคืนจำนวนมาก จึงได้นำไปตรวจสอบพบ
พบว่านายเอกฉันท์อาศัยอยู่ตามที่อยู่บนกล่องไปรษณีย์จริง จึงได้นำพะสดุเหล่านั้นไปตรวจสอบ
พร้อมตรวจยึดพัสดุเตรียมส่งกว่า 1 หมื่นกล่อง นอกจากนี้ยังมีของกลางเป็นรถกระบะตอนเดียว
ใช้บรรทุกขนส่งพัสดุ จำนวน 2 คัน รถยนต์โตโยต้าฟอจูนเนอร์ จำนวน 1 คัน
รถกระบุอีซูสุ จำนวน 1 คัน รถจักรยานยนต์ มอโตครอส 1 คัน คอมพิวเตอร์สำหรับใช้เปิดเพจเฟซบุ๊ค
จำนวน 2 เครื่อง เครื่องปริ้นท์ฉลากรายชื่อลูกค้าที่จะส่ง 1 เครื่อง กล่องพัสดุ ประมาณ 8960 กล่อง
รวมแล้วมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
เมื่อสอบสวนเพิ่มเติมก็ได้พบว่านายนภดล ซึ่งเป็นพนักงานเซลล์หาลูกค้าของบริษัทขนส่งพัสดุเอกชนดังกล่าว
ได้ชักชวนกันให้มีการเปิดเพจเฟสบุ๊คและซื้อโฆษรา รวมทั้งจ้างแอดมินโต้ตอบลูกค้า ในการขายสินค้าต่าง ๆ เช่น
ไฟแช็คเติมแก๊ส ลำโพงบลูทูธ ฯลฯ ในราคาไม่เกิน 200 บาท เมื่อแอดมินเพจ ได้รายชื่อลูกค้าแล้ว
ก็จะปริ้นท์ฉลากติดพัสดุลูกค้า โดยปกปิดสถานที่ส่งสินค้า และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าติดต่อมายังผู้ส่งสินค้า และติดต่อไปยังสถานที่ผู้ส่ง ศูนย์กระจายสินค้าและบริษัทขนส่ง
นอกจากนี้ตำรวจยังพบว่า นายนพดลประสานงานติดต่อกับนางสาวสุพิศตา ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทขนส่งพัสดุ
สาขาบางกร่าง โดยมีผลประโยชน์และได้รับค่าตอบแทน กล่องละ 2 บาท โดยนางสาวสุพิศตานี้มีหน้าที่
คอยแก้ไขปัญหา หากมีลูกค้าร้องเรียนมา หากมีลูกค้าหลงเชื่อรับพัสดุและจ่ายเงินมา เงินนี้จะถูกโอนเข้าบริษัทขนส่ง
จากนั้นทางบริษัทจะโอนเงินให้กับนายเอกฉันท์ ผ่านบัญชีหน้าม้าของนางสาวเจสิตา และให้นางสาวเจสิตา
ไปกดเงินสด และนำมามอบให้ ซึ่งในแต่ละครั้งที่ส่งสินค้าไม่ตรงปกเป็นหมื่นกล่องนั้น จะได้ผลประโยชน์
ตอบแทนหลักล้านบาท แล้วนำผลกำไรมาแบ่งกัน
ซึ่งแก๊งนี้ได้ทำมานานประมาณ 3-4 เดือน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ พร้อมแจ้งข้อหา
ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์และร่วมกันฟอกเงินอีกด้วย