ส่องปัจจัยทำไฟป่าเกาะเมาวี แรงกว่าปกติ ลุกลามเร็วแถมรับมือยาก
เกาะเมาวีกำลังเผชิญไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วถึง 67 ศพ กลายเป็นไฟป่าที่ทำคนตายมากที่สุดอันดับ 2 ในรอบ 100 ปีของสหรัฐฯ
สาเหตุที่ทำให้ไฟป่าครั้งนี้รุนแรงกว่าปกติ คือความแห้งแล้งที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้พืชแห้งผากกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี กอปรกับลมจากพายุทำให้ไฟลามเร็วขึ้นด้วย
แต่ในขณะที่ไฟป่ารุนแรงขึ้น เจ้าหน้าที่ของรัฐฮาวายกลับมีข้อจำกัดในด้านทรัพยากร จนเป็นอุปสรรคในการรับมือไฟป่าที่เกิดขึ้น
ไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็วเพราะกระแสลมแรงบนเกาะเมาวี เกาะใหญ่อันดับ 2 ของรัฐฮาวาย กำลังทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรับมือไม่ไหว และกลายเป็นหนึ่งในเหตุไฟป่าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า เป็นเรื่องแปลกมากๆ ที่เกิดไฟป่ารุนแรงขนาดนี้ในฮาวาย ซึ่งเป็นเกาะเขตร้อนที่มีความชื้นสูง แต่เพราะสถานการณ์ผิดปกติหลายอย่างกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นเพราะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งลมแรง ความแห้งแล้ง และสภาพภูมิศาสตร์ของเกาะ กลายเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟป่าครั้งนี้เลวร้ายกว่าที่ผ่านมา
จนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตจากไฟป่าบนเกาะเมาวีแล้ว 67 ศพ มากที่สุดอันดับที่ 2 ในรอบ 100 ปี เป็นรองเพียงไฟป่าแคลิฟอร์เนียเมื่อพฤศจิกายน 2561 ซึ่งมีผู้เคราะห์ร้าย 85 ศพ และเป็นไฟป่าเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮาวายอย่างไม่มีข้อสงสัย โดยมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไฟป่าครั้งนี้ รุนแรงกว่าปกติและยากที่จะรับมือ
ความแห้งแล้งสาเหตุไฟลามเร็ว
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ภัยแล้งในฮาวายเลวร้ายลง ทำให้ไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว ตามรายงานของศูนย์สังเกตการณ์ความแห้งแล้งของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ส.ค.) ความแห้งแล้งในเขตเมาวี เคาน์ตี เพิ่มขึ้นจาก 5% ในสัปดาห์ก่อน เป็น 16% ขณะที่ระดับความแห้งแล้งเฉลี่ยของทั้งรัฐกระโดดจาก 6% เป็น 14% ในช่วงเดียวกัน และ 80% ของพื้นที่รัฐฮาวายถูกจัดว่า แห้งแล้งผิดปกติ
ผืนดินและพืชผักที่แห้งผากเป็นเชื้อเพลิงไฟป่าอย่างดี และมันจะสร้างความเสียหายมากขึ้นถ้ามีกระแสลมแรงช่วยพัดเปลวไฟเข้าสู่พื้นที่ชุมชน
อ้างอิงจาก: google