จัดรัฐบาล “สุดซอย”
.
สิ้นสุดการเลือกตั้ง
.
ประชามติโหวตให้ฝั่ง “ประชาธิปไตยสองพรรคหลัก” ชนะ
.
ก้าวไกล “ฝันดี” ไม่คิดว่าจะได้มากเป็นอันดับ 1
.
เพื่อไทย “ฝันร้าย” ไม่คิดว่าจะตกเป็นอันดับ 2
.
สองพรรคจับมือร่วมตั้งรัฐบาล เซ็น MOU กันเอิกเกริก ชูพิธาก้าวไกลเป็นนายกฯ
.
เรื่องราวน่าจะจบลงด้วยดีตั้งแต่ “ต้นซอย”
.
กลับไปเดินสะดุดเอาที่ “กลางซอย” เมื่อสองพรรคทะเลาะเบาะแว้งเรื่อง “ประธานสภา”
.
ส่ออาการไม่ลงรอยงัดกันเองแย่งตำแหน่ง “ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ”
.
วันสุดท้ายก้าวไกลพลาดท่ากลายเป็นได้ “อาจารย์วันนอร์”
.
จากนั้นถึงโหวตนายกฯ
.
ส.ว. เอา “ปูนกาหัว” พิธาก้าวไกลเรื่อง ม.112
.
พลาดตำแหน่งนายกฯ ซ้ำด้วยศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.
.
ก้าวไกลชอกช้ำ ต้องยกหน้าที่ให้เพื่อไทยคู่ข้าวต้มมัดจัดรัฐบาลแทน
.
เดินมาถึง “ปลายซอย” เกมการเมืองพลิก
.
เพื่อไทยตัดสินใจเดินสาย “สลายขั้ว” เพราะรู้ว่าไม่มีทางจัดตั้งรัฐบาลได้ หากไม่หิ้วพรรค 2 ลุงไปด้วย
.
ยกเอา “วิกฤตบ้านเมือง” ประเทศต้องเดินหน้า สงครามจบแล้วไม่มีแบ่งฝ่าย รวมได้หมด ทั้งภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์
.
เพื่อไทยดันทุรังจนมาถึง “สุดซอย”
.
เดินแบบ “ย่ามใจ” คิดว่าออกได้ กลับบ้านแน่
.
แต่กลับเป็น “ซอยตัน” ไม่มีทางออกไปไหน
.
9 ปีก่อนเมื่อปี 57 เพื่อไทยก็จัด “นิรโทษกรรมสุดซอย”
.
ปีนี้ 66 กำลังจัด “รัฐบาลสุดซอย”
.
ทางกว้างๆ ไม่เดิน ชอบเดินเข้าซอยตัน
.
ขาย “อุดมการณ์” ทิ้ง แลกการเป็นรัฐบาล
.
ที่เคยป่าวประกาศประสานเสียงว่า “ไม่เอาพรรค 2 ลุง” ล้วนเป็นเพียงมหกรรม “เทคนิคการหาเสียง”
.
ส่วนที่ผ่านมากับก้าวไกลเป็นการ “ตบหน้ากลางศาลา” แต่ทำทีไป “ขอขมาที่บ้าน”
.
อ้อนให้โหวตนายกฯ แต่ดูท่าก้าวไกล “งดออกเสียง”
.
แผนสุดท้ายแบไต๋ ทั้ง 2 ลุง ประกาศไม่รับตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล
.
ยกให้นายกฯ “ตัวสูง” แทน “ตัวอ้วน” มาเสนอตัวรับใช้บ้านเมือง
.
แต่เจอซีรี่ย์แรก “12 คน โอน 12 วัน เลี่ยงภาษี”
.
ตอนต่อไป “ปั่นที่ บวมเงิน ตัดตอน” รวม EP ให้กระชับ เพราะเวลามีน้อย
.
ปรากฏการณ์ “ตกสวรรค์” ของนายกฯ ตัวสูง
.
จะถูกถลกหนังในสภาว่าด้วยเรื่อง “คุณสมบัติ” ของความซื่อสัตย์
.
แฉครั้งสุดท้าย ต้องมันถึงใจพระเดชพระคุณ
.
ก่อนจากลา ผ้าม่านปิด
อ้างอิงจาก: fb ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์