"ชูวิทย์" โชว์สูตรตั้งรัฐบาล "หักหลังถ้วนหน้า" เศรษฐา เป็นนายกฯ รวม 264 เสียงดัน "ก้าวไกล" เป็นฝ่ายค้าน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ สูตรตั้งรัฐบาล “หักหลังถ้วนหน้า”สูตรตั้งรัฐบาลเสมือนยาน้ำที่ต้อง “เขย่าก่อนกิน”แต่ดันไม่อ่านฉลากข้างขวดยาให้ดีเสียก่อนเพราะสูตรยานี้มีส่วนผสม “สารอันตราย“ เข้าไปด้วยโดยคนปรุงคือ ‘เพื่อไทย’ ที่เดินสายสลายขั้วเจรจาผสมสูตรใต้ดิน จนตกผลึกสัดส่วนได้ที่นำเสนอทดลองยาให้ดู โดยมีส่วนผสม ดังนี้เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ ชาติพัฒนากล้า เสรีรวมไทย และพรรคเล็ก รวมแล้วได้ 264 เสียงสูตร “รัฐบาลหักหลังถ้วนหน้า” นี้ กำลังถูกนำเสนอในวันที่ 2 และวันที่ 4 โหวตเศรษฐาเป็นนายกฯ คนที่กินล้วนออกอาการ “หลังหัก” ทันที เพราะ
1. ต้องฉีก MOU เก่า บรรดาพรรคที่ขึ้นไปไขว้มือวันประกาศจับขั้วกลายเป็นถูกหักหลัง
2. เพื่อไทยแยกกับก้าวไกล แล้วไปอยู่กับภูมิใจไทยผูกติดกันกลายเป็น “ข้าวต้มมัด” คู่ใหม่
3. ให้ก้าวไกลเป็น “ฝ่ายค้าน” ล้านเปอร์เซ็นต์ สมเจตนารมณ์นายทุนใหญ่
ก้าวไกลถูกหักหลังหลายรอบ ตั้งแต่ประธานสภา นายกฯ จนถึงจัดรัฐบาล
4. สองพรรคลุง พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ เป็น “ฝ่ายค้าน” ถูกหักหลังดังเป๊าะ
5. ก้าวไกลชนะเลือกตั้งอันดับ 1 แต่ต้องไปเป็นฝ่ายค้านพร้อมพรรคสองลุง ที่เกลียดนักหนา ขนาดบอกตอนหาเสียง “มีลุง ไม่มีเรา” ตอนนี้เลยได้ไปอยู่ร่วมกันเป็นฝ่ายค้านเสียเลย
6. ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านแต่ก็ยัง “โชว์พระเอก” โหวตให้เพื่อไทย เพื่อไม่ให้เอาพรรคลุงไปร่วมรัฐบาลด้วยอันนี้เป็นตัวยา “หักหลังสามต่อ”
ไม่เอาทั้งลุง ไม่เอาทั้งเรา โดนสามเด้ง พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านด้วย 221 เสียงกลายเป็นฝ่ายค้านที่อ่อนแอ เพราะเป็น 2 กลุ่มค้านกันเองที่ไปกันไม่ได้ แต่ต้องไปอยู่ด้วยกัน ถูกหักหลังกลางทางจึงไม่มีความแข็งแกร่งพอจะไปทำอะไรรัฐบาลในอนาคตได้
7. หักหลัง ส.ว. ปิดสวิตช์อัตโนมัติ เพราะเสียงเกินแล้ว264 เสียง ได้ก้าวไกลช่วยอีก 151 เสียง รวมเป็น 415 เสียง ไม่ต้องง้อ ส.ว.
ที่หนักสุด คือ หักหลังประชาชนที่ลงคะแนน 26 ล้านเสียง ให้ฝั่งประชาธิปไตย
ดังนั้น ขืนมีใครกินเข้าไปก็เสี่ยงเต็มทน เพราะหลังหักหมดยาสูตรนี้กำลังโปรโมทโฆษณาอยู่ทั่วไป แต่มีฉลากติดไว้ข้างขวดว่า“ยาอันตราย หากกินเข้าไปจะเกิดอาการเจ็บหลัง ลำไส้ปั่นป่วน และอาจทำให้คนเดินทางไกลไม่ได้กลับบ้านด้วย”