พิธา ลั่น หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมยอมถอยเปิดทางให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล

ประชาชนคนไทยทุกคนคงเห็นผลการโหวตนายกของ ส.ว. กันแล้วใช่ไหมคะ และแน่นอนว่าหลายคนหงุดหงิด ที่ส.ว. เป็น 100 กว่ารายไม่ยอมออกเสียง และอีก 100 กว่าราย ไม่ยินยอมโหวตให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และหลายคนมองว่า การที่ ส.ว. หลายรายที่ไม่ออกเสียงอาจะเป็นไปได้ว่า เบื่อหน่ายกับระบบ ม. 272 ที่ให้สิทธิการโหวตนายกนั้นเกิดขึ้นจากเสียงของ ส.ว. ไม่ใช่ประชาชนหรือเปล่า ดังนั้นทางพรรคก้าวไก จึงเสนอร่างกฎหมายยกเลิก ม. 272 เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว.

แต่วันนี้ทิศทางของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นั้นได้เปลี่ยนไป เนื่องด้วยเจ้าตัวออกมาโพสผ่านเฟซบุ๊กว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณสมาชิกรัฐสภา 324 เสียง โดยเฉพาะ ส.ว. 13 ท่าน ที่โหวตเห็นชอบให้ตนเป็นนายก ซึ่งตัวนายพิธาเองก็ทราบดีว่า ตัวของ ส.ว. หลายท่านต้องเผชิญหน้ากับความกดดันมากมาย จากการตัดสินใจในครั้งนี้ และที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณแรงใจจากพี่น้องประชาชนชาวไทย แต่ต้องขออภัยทุกท่านที่เรายังทำไม่สำเร็จ ในฐานที่พรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ได้รับเสียงอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งย่อมมีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบประชาชน นั่นคือการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ วันนี้เราได้พยายามเต็มที่ และทำทุกวิถีทางแล้วเพื่อให้เสียงของประชาชนได้รับการตอบสนองและเป็นที่เคารพ นี่คือการต่อสู้ที่ไม่ใช่เพียงพวกเราพรรคก้าวไกลเท่านั้น ยังเป็นการต่อสู้ของ 14 ล้านเสียง ที่เลือกพรรคก้าวไกล และไม่ใช่การต่อสู้ของ 8 พรรคการเมือง แต่เป็นตัวแทน 27 ล้านเสียง แต่เป็นการต่อสู้ของคนไทยทั้งประเทศ เพื่อยืนยันว่าเสียงของประชาชนกำหนดประเทศนี้ได้ ขอให้เราเดินไปด้วยกันต่อไป จัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แต่เวลาของเรานั้นเหลืออีกไม่มากแล้ว และประเทศไทยจะเดินต่อไปโดยไม่มีรัฐบาลได้อีกไม่นาน ภายใต้เวลาอันจำกัด เราเหลือโอกาสอีกไม่กี่ครั้งที่ต้องสู้ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เราจะไม่มีวันชนะได้ หากเราไม่สามารถเปลี่ยนใจ ส.ว. ให้อยู่ข้างประชาชน จึงขอให้ประชาชนทุกคนร่วมทำภารกิจกับเราโดยการส่งสารถึง ส.ว. ในทุกวิถ๊ทาง ทุกวิธีการ และขอให้เป็นวิธีที่สร้างสรรค์ ช่วยกันเชิญชวนให้ ส.ว. โหวดนายกตามมติของประชาชน หรือโหวตให้ยกเลิก ม. 272 เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน หากพวกเราทำสองอย่างนี้เต็มที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้จริงๆ พรรคก้าวไกลพร้อมเปิดโอกาสให้ประเทศไทย โดยการเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลภายใต้ MOU ที่ทำไว้ร่วมกัน