สุพรรณบุรีพัฒนาแล้ว ระบบสาธารณูปโภคครบชาวเน็ตยกเป็นจังหวัดน่าอยู่
ไม่น่าเชื่อว่า ปัจจุบันจังหวัดสุพรรณบุรี จะเป็นจังหวัดที่มีการก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 20 ปีต้นๆ จากจังหวัดที่ได้ขึ้นชื่อว่าบ้านป่าเมืองปิด
สู่จังหวัดที่มีครบ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยงเชิงประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่งให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลาง
ส่วนหนึ่ง เพราะพื้นที่ฐานของภูมิรัฐศาสตร์ที่ในอดีตเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในฐานะเขตสำคัญ ของอาณาจักรอยุธยาอีกด้วย
แม้กาลเวลาและยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ คือ อาชีพเกษตรกรรมที่ยังคงเป็นจุดขายของจังหวัด รวมไปถึง "เสียงเหน่อ" ที่เป็นที่กล่าวขานถึงความเป็นมรดก สมัยกรุงศรีอยุธยาที่แม้แต่ "เหน่อบางกอก หรือสำเนียงโบราณที่รับจากสมัยอยุธยาของคนเมืองกรุง ยังสูญหายเหลือแค่ในบทเรียนภาษาไทยเท่านั้น
ต้องยอมรับก่อนว่า สุพรรณบุรีพัฒนาได้ส่วนหนึ่งก็เพราะคนสุพรรณเลือกคนที่ดูแลคนในพื้นที่อย่างพรรคชาติไทยพัฒนาก็คงไม่ผิดนัก
เพราะ ส.ส. ก็เป็นคนในพื้นที่ที่พยายามผลักดัน และคอยแก้ปัญหาอย่างไม่ลดละอีกด้วย ที่ล่าสุดปัญหาปากท้องของชาวสุพรรณ ก็เป็นอีกหนึ่งที่ ส.ส. ในพื้นที่ไม่นิ่งนอนใจในการผลักดันนโยบายด้านผลผลิตทางการเกษตร ดังจะเห็นจากโพสต์ ของส.ส. เสมอกัน เที่ยงธรรม ก็ดี ส.ส.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ก็ดี หรือแม้กระทั่ง ส.ส.นพดล มาตรศรี ที่เปิดตัวจะลงพื้นที่ในเลือกตั้งสมัยหน้า และนักทำงานลงพื้นที่ ที่เน้นทำงานอย่าง ส.ส. สรชัต สุจิตต์
วันนี้สุพรรณเปลี่ยนไปแล้ว แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะ งบประมาณเริ่มลงเพื่อรองรับการเติบโต ความสำเร็จจากการขายคาร์บอนเครดิตในเกษตรยุคใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและ
ทุนต่างชาติอย่างทุนของนักลงทุนซาอุ ที่คาดว่า จะลงทุนไม่ต่ำกว่า 3แสนล้านบาทกำลังจะมาลง!!
และเอกชนมาเริ่มลงทุนอสังหาแล้วตอกเสาเข็มคอนโดแล้ว!!
ไหนจะการอัพขนาดโรงพยาบาลเพื่อรองรับการขยายของเมืองอีก
นับว่าไม่ธรรมดา
ไม่ใช่แค่ว่าจะเลือกตั้ง แล้วเกิดแต่มันเกิดในระยะตลอด 4 ปี ไม่ใช่ ! แค่การบอกเพื่อชี้นำให้เลือก แต่ ถ้าสุพรรณเดินต่อได้
คือต้องเลือกคนที่ทำพื้นที่อยู่ เพื่อที่ตะทำพื้นที่พัฒนาต่อ











