หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ของที่ระลึกจากสงครามในอดีต
*หลักเขตแดนที่ ๕๐ กรุงสยาม – กัมพูชา
- ขนาดกว้าง ๔๐ เซนติเมตร หนา ๔๐ เซนติเมตร สูง ๑๒๓ เซนติเมตร
- หลักเขตแดนกรุงสยาม – กัมพูชา กั้นชายแดนระหว่างกรุงสยาม และกัมพูชาฝรั่งเศส โดยการดำเนินการปักปันเขตแดน ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๕๑ – ๒๔๕๒ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นหลักปูนซีเมนต์สี่เหลี่ยม ปลายตัดแหลม มีข้อความ ๔ ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย เขมร อังกฤษ และฝรั่งเศส ปรากฏอยู่ทั้ง ๔ ด้าน มีจำนวน ๗๓ หลัก
เริ่มต้นหลักที่ ๑ ที่ บริเวณช่องเกล หรือช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีษะเกษ ไปทางทิศตะวันตกตามแนวเทือกเขาบรรทัดลงไปทางทิศใต้จนกระทั่งสิ้นสุดลงที่หลักที่ ๗๓ บริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่างบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด กับบ้านจามเยียม จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ปัจจุบันหลักเขตเหล่านี้มีอายุ ๑๑๓ ปี นับจากปีที่เริ่มการปักปันเขตแดน
- ในที่สุดฝ่ายไทยมีท่าทีว่าจะชนะเด็ดขาด ญี่ปุ่นซึ่งมีฐานทัพอยู่ในอินโดจีนเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าหากไทยชนะจะเป็นอุปสรรคต่อการที่ญี่ปุ่นจะรุกรานลงใต้ ผลจากการไกล่เกลี่ย ฝรั่งเศสยินยอมยกดินแดนที่เคยยึดไปจากไทยสมัยรัชกาลที่ ๕ คืนให้ฝ่ายไทย โดยมีการลงนามในอนุสัญญา ๓ ฝ่ายระหว่างไทย ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ หลักเขตแดนไทย-กัมพูชาที่อรัญประเทศจึงถูกยกเลิกหลักเขตหมายเลข ๔๙ และ ๕๐ ถูกถอนออก
- จากการรบในสงครามอินโดจีนครั้งนั้นทำให้ไทยสูญเสียกำลังพลทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน จำนวน ๕๙ คน ต่อมาภายหลังรัฐบาลไทยจึงสร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเชิดชูเกียรติ เทิดทูนวีรกรรมของผู้สละชีวิตในการปกป้องประเทศ
- สำหรับหลักเขตหมายเลข ๔๙ ได้มอบไว้แก่กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ ส่วนหลักเขตหมายเลข ๕๐ พลเอกมังกร พรหมโยธี ได้รักษาไว้และตกทอดสู่ทายาท ซึ่งภายหลังทายาทพลเอกมังกร พรหมโยธี ได้แก่ คุณเจตกำจร พรหมโยธี คุณกำจรเดช พรหมโยธี คุณอภิภู พรหมโยธี และคุณองคฤทธิ์ พรหมโยธี ได้มอบไว้ให้กรมศิลปากรเพื่อดูแลรักษา และเป็นสาธารณประโยชน์ในเผยแพร่ประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวแก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป
หลักเขตที่ ๕๐ ทหารเมืองปราจีนบุรีไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
- หลังจากถ่ายภาพเสร็จพล.อ.มังกร พรหมโยธี ซึ่งเป็นผบ.นำทัพบุกยึดเมืองเขมรเห็นว่าหลักเขตนี้เหมาะที่จะเอามาเป็นที่ระลึกจึงขุดใส่รถยนต์เอาไปไว้ที่บ้านส่วนตัวในกรุงเทพฯ
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๔ บุตรชายของพล.อ.มังกร พรหมโยธี ได้แจ้งให้กรมศิลปากรทราบ และทางกรมศิลปากรได้ไปขุดเอามาตั้งแสดงที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนครข้างสนามหลวง
- สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรับมอบจากจาก ทายาทของ พลเอกมังกร พรหมโยธี เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ ต่อมาได้ส่งมอบให้กับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๔ และบัดนี้ก็ตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังปราจีนบุรี
📷 อ้างอิงภาพและบทความโดย Viroj Tuntikula และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี : Prachinburi National Museum
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/prachinburimuseum/posts/4494669500571760/?paipv=0&eav=AfbMJRKTXq1eks3KgwDf2ubv8AByXFjCNSApMc1OoA99MsrK6igS1rc8mEs8Vr9YvEc&_rdr
https://www.facebook.com/viroj.tuntikula/posts/pfbid024yK9ykVrMnFEUWr16Y3mmSFGci8usG4LDL1LSXbDwfPVY9uqqgo13DZCNc45wedql


















