"จิลล์ จักรพงศ์" เล่าอาถรรพ์ใต้ "เขื่อนศรีนครินทร์" หลังยังหาร่าง "น้องมาวิน" ไม่พบ
ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเขื่อนศรีนครินทร์ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของพักผ่อนหย่อนใจ ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี เป็นทั้งแหล่งให้ความรู้ และแหล่งพักผ่อนทางธรรมชาติที่สมบูรณ์แก่ผู้มาเยี่ยมเยือน อีกทั้งยังส่งผลให้มีการขยายตัวทางการท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง เช่น แพท่องเที่ยวในอ่างเก็บน้ำ การศึกษาทางธรรมชาติ เป็นต้น
สำหรับเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ สร้างขึ้นเพื่อช่วยส่งเสริมระบบชลประทานผลิตไฟฟ้า บรรเทาอุทกภัย อำนวยความสะดวกแก่การคมนาคมทางน้ำและคอยผลักดันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในบริเวณปากน้ำแม่กลองยาลช่วงหน้าแล้ง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดเพื่อส่งเสริมการประมง และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นโดยเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นลักษณะหินถมแกนดินเหนียว ที่มีความสูง 140 เมตร โดยมีลักษณะเฉพาะ ที่สามารถกักเก็บน้ำได้มากที่สุดของประเทศไทย สร้างขึ้นบนแม่น้ำแคว บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เป็นเขื่อนแห่งที่8 ที่การไฟฟ้าฝ่าผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก ของคนในชุมชน รวมถึงส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2516 และเปิดขึ้นเมื่อ 15 มิ.ย.2524
นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามแล้ว คำล่ำลือที่ขึ้นชื่อไม่แพ้กันก็คงเป็นเรื่องราวความน่ากลัวและอาถรรพ์เกี่ยวกับสถานที่ลึกลับแห่งนี้ ซึ่งลึกลงไปในผืนน้ำกลับมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่หลายคนต้องมาสังเวยชีวิตจมดิ่งสู่ใต้พื้นบาดาลแห่งนี้อาถรรพ์ เขื่อนกลืนคน จากความเชื่อเรื่องลี้ลับอาถรรพ์ใต้เขื่อนศรีนครินทร์ ภูมิประเทศดั้งเดิมก่อนเป็นเขื่อน เคยเป็นภูเขาป่าทึบ มีทั้งถ้ำ ผา มีหมู่บ้าน วัดหลายแห่ง และที่จะเอ่ยถึงคือสิ่งดินแดนลี้ลับเหนือธรรมชาติ เรียกว่า”เมืองลับแล”
ก่อนที่จะสร้างเขื่อนกักน้ำ นี้ เดิมชื่อ “เขื่อนเจ้าเณร” สร้างเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้นบนแม่น้ำแควใหญ่ งานก่อสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2516 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2523 พระราชทานนาม เขื่อนศรีนครินทร์ปีพ.ศ. 2524
ในบรรดาคนสมัยก่อนที่อยู่ทำกินเดิม ขณะสร้างเขื่อนเล่าขาลต่อๆกันมาจากรุ่นปู่ย่าตาทวด ถึงความเฮี้ยนลี้ลับเหนือธรรมชาติว่า สมัยตอนบริษัทที่ได้รับสัมปทานในการตัดไม้ก่อนจะสร้างเขื่อน เล่าว่าเฮี้ยนของผีป่าเขาผีถ้ำนั้นออกอาละวาด ตามหมู่บ้านต่างๆ แม้แต่พรานป่าที่เข้าป่าก็ไม่ได้กลับมา ผู้คนรู้ถึงกิตติศักดิ์ ความอาถรรพ์ของผืนป่า ก่อนที่จะเป็นเขื่อน ว่ากันว่า ผีถ้ำผีป่าผีต่างๆมีความร้าย ฤทธิ์แรง
พระท่ากระดาน กรุศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีพระที่สร้างในพื้นที่ใต้เขื่อนศรีนครินทร์ ถือว่าเป็นพระประจำเมืองกาญจนบุรี จนได้รับฉายาว่า ขุนศึกแห่งลุ่มแม่น้ำกลอง ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักของวงการพระเครื่องเมืองไทยมาช้านาน พระท่ากระดาน กรุศรีสวัสดิ์ "ท่ากระดาน" เป็นตำบลหนึ่งใน อําเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี พระท่ากระดานหูช้าง เป็นพระเครื่องที่สร้างในยุคสมัยอู่ทอง ประวัติพระท่ากระดาน สันนิษฐานว่า ผู้ที่สร้างมิใช่พระสงฆ์ แต่เป็นฆราวาสที่เรียกกันว่า ฤๅษี ในยุคโบราณ เป็นการสันนิษฐานจากหลักฐานที่ปรากฏบนใบลานเงินลานทอง ในการค้นพบพระเครื่องกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี และพระเครื่องกรุวัดพระบรมธาตุ จังหวัดกำแพงเพชร ที่ได้กล่าวถึงการสร้างพระเครื่องของบรรดาพระฤๅษีทั้ง ๑๑ ตน
แต่มีฤๅษีอยู่ ๓ ตน ที่ถือว่าเป็นใหญ่ในบรรดาฤๅษีทั้งปวง คือ ฤๅษีตาไฟ ฤๅษีตาวัว และ ฤาษีพิลาลัย พระฤๅษีตาไฟ จารึกในย่านป่าเขาเขตกาญจนบุรี (ทางผ่านอู่ทอง) คงมีอาศรมอยู่ในป่าแถบนี้ และบางโอกาสก็จำศีลภาวนาอยู่ในถ้ำต่างๆ เช่นที่ ถ้ำลั่นทม ถ้ำใต้เขื่อนศรีนครินทร์เขต อําเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งมีหลักฐานว่า เป็นแหล่งกำเนิดของ พระท่ากระดาน โดยมีการขุดพบพระท่ากระดานจำนวนหลายร้ององค์ บรรจุอยู่ในพระเจดีย์โบราณหน้าถ้ำ นอกจากนี้ยังได้ขุดพบ แม่พิมพ์ ของพระท่ากระดาน พร้อมกับเศษตะกั่ว ที่มีสนิมแดงเกิดขึ้นอีกมากมาย ทำให้สันนิษฐานว่า บริเวณหน้าถ้ำลั่นทม คือ สถานที่สร้างพระท่ากระดาน นั่นเอง ฯลฯในการก่อสร้างเขื่อนจะต้องทำพิธีบวงสรวงต่างๆแบบชุดใหญ่ โดยการควบคุม วิศวกรต่างชาติและไทย ต่างเล่าประสบการณ์ความหลอนว่าได้เจอเรื่องราวแปลกๆชวนขนหัวลุกกันไปตามๆกัน จนกระทั่งเขื่อนเสร็จ
เมื่อเป็นเขื่อนแล้ว ใต้น้ำนั้นรวมบรรดาผีอาถรรพ์ต่างๆ และความอาถรรพ์ของผืนป่าเทือกเขาตะนาวศรีเหตุ!น้องมาวินจมน้ำหายไปอีกราย หาร่างยังไม่เจอ9วันในเขื่อนตามข่าววิธีการแก้ตามวิธีของคนโบราณคือต้องทำพิธีเปิดป่า ทำกะบะกระทงลอยน้ำเครื่องสังเวยผี เพราะเดิมผืนป่าแต่กลายเป็นน้ำ เหล้าอาหารคาวหวาน ปั้นหุ่นชาย เพื่อขออ้อนวอนต่อภูติผีใต้ผืนน้ำนั้น อัญเชิญร่างกลับบ้าน (อันนี้จะเจอร่างหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับภูตผีที่เอาน้องไป ให้หรือไม่ให้)
























