ทัพฟ้า เผย ทะยอยปลดประจำการ เครื่องบินรบ ตั้งแต่ปี 2564-2574 ชี้ ในปี2575 โละ เครื่องบินรบ มากกว่าครึ่งกระทบ กำลังรบทางอากาศ จนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้
ทัพฟ้า เผย
ทะยอยปลดประจำการ
เครื่องบินรบ ตั้งแต่ปี 2564-2574
ชี้ ในปี2575 โละ เครื่องบินรบ มากกว่าครึ่งกระทบ กำลังรบทางอากาศ
จนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้
เผย ยังต้องแบกรับภาระ งบฯซ่อมบำรุง
เครื่องบินรบเก่า อายุ 28-54 ปี
จึงต้อง เสนอขอซื้อ F35 Gen.5 มาทดแทน
โดย เน้น คุณภาพ เครื่องบิน
มาทดแทน ปริมาณ
ยัน ต้อง เตรียมความพร้อม ตา ม พรบ.กลาโหม 2551
พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยเหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทน ว่า ตาม พรบ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มาตรา 21 ระบุให้ กองทัพอากาศมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพอากาศ การป้องกันราชอาณาจักรและดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังกองทัพอากาศ ตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม มีผู้บัญชาการทหารอากาศเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
และตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาศักยภาพของประเทศด้านความมั่นคง ของกระทรวงกลาโหม และแผนปฏิบัติการด้านการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติของกองทัพไทย
ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ระบุว่ากำลังทางอากาศต้องมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการเชิงรุกที่ได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม และปฏิบัติการร่วมทั้งในและนอกประเทศ โดยใช้ระบบเครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operations) ทำให้กองทัพอากาศต้องเตรียมยุทโธปกรณ์ ให้มีความพร้อม ทันสมัย มีศักยภาพทางทหารที่ทัดเทียมกับประเทศรอบบ้าน
ปัจจุบันเครื่องบินรบส่วนใหญ่ของกองทัพอากาศ มีขีดความสามารถจำกัดในการปฏิบัติการทางอากาศ มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน และจะเริ่มทยอยปลดประจำการตั้งแต่ ปี2564 -2574
โดยใน พ.ศ.2575 กองทัพอากาศจะคงเหลือเครื่องบินขับไล่โจมตีต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถของกำลังรบทางอากาศลดลง จนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ และยังต้องแบกรับภาระการส่งกำลังและซ่อมบำรุงกับเครื่องบินรบจำนวนมาก ที่มีอายุการใช้งานสูงถึง 28-54 ปี
จึงต้องพัฒนาและจัดหายุทโธปกรณ์ที่จำเป็นและเพียงพอต่อหน้าที่ในการเตรียมการใช้กำลังทางอากาศ โดยคำนึงถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานภาพงบประมาณของกองทัพอากาศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ รองรับแผน ปฏิบัติการของกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย
กองทัพอากาศได้พิจารณาความคุ้มค่าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีโดยมุ่งเน้นคุณภาพเหนือปริมาณ เพื่อการป้องปรามและรู้ผลแพ้ชนะในการใช้กำลัง
รวมทั้งสามารถทวีกำลังและเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพ ตลอดจนสร้างความมั่นคงร่วมกับมิตรประเทศในภูมิภาค
กองทัพอากาศจึงได้กำหนดให้จัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีสมรรถนะสูงยุคที่ 5 มาทดแทนเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบเดิมที่ล้าสมัย อันจะก่อให้เกิดความได้เปรียบของกำลังทางอากาศในการผนึกกำลังป้องกันประเทศ (United Defense) สนับสนุนการปฏิบัติการร่วมกับเหล่าทัพอื่น และยังเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ในการป้องปราม (Deterrence) หรือการป้องกันเชิงรุก (Active Defense)
ตลอดจนสามารถร่วมปฏิบัติการทางทหารกับประเทศในภูมิภาคได้ ตามหลักคิดการสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงร่วมกับมิตรประเทศในภูมิภาค