หมอสูติฯ วอน "แม่ตั้งครรภ์" อย่าเสียสละวัคซีนเพื่อหมอ ถ้ามีโอกาสให้รีบฉีด

ด้านหมอสูตินรีแพทย์ แนะ "แม่ตั้งครรภ์" ฉีดวัคซีน mRna หากมีโอกาสเข้าถึงอย่าปล่อยโอกาสไป

อย่าทำเพื่อหมอ แต่จงห่วงสุขภาพตนเองกับลูกในครรภ์ก่อน เพราะอัตราการตายสูงทั้งแม่และลูก

จากกรณีที่กระแสข่าวบนโลกโซเชียลฯว่าหญิงตั้งครรภ์ แสดงความจำนงจะไม่รับวัซีน mRna ซึ่งรวมอยู่ในจำนวน 1.5 ล้านโดส
เพื่อเสียสละให้บุคลากรทางการแพทย์ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงนั้น

ทางเพจเฟซบุ๊ค "ใกล้มิตรชิดหมอ" โพสต์ข้อความว่า..

อยากฝากถึงคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีแนวคิดที่ว่าจะไม่ยอมฉีด mRna นั้นไม่ต้องกังวล เพราะจำนวนวัคซีน 1.5 ล้านโดสแรก
ที่ได้รับบริจาคมา เพียงพอต่อบุคลากรด่านหน้าทั้งหมดแน่นอน ถ้าได้รับการจัดสรรอย่างเที่ยงธรรมและทั่วถึง
และบุคลากรส่วนหนึ่ง (ซึ่งมีจำนวนค่อนข้างมาก) ฉีด Az ล่วงหน้าไปแล้ว รวมถึงคุณหมอด้วย

ดังนั้นหากคุณแม่ตั้งครรภ์มีโอกาสเข้าถึง mRna Vaccine ขออย่าได้ปล่อยโอกาสนั้น
เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนที่เหมาะสมไวไว และปลอดภัยกันทุกคน
เพื่อตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ด้วย

โดยฝากให้สังคมช่วยกันเป็นกระบอกเสียง นอกจากบุคลากรด่านหน้าที่กำลังทยอยได้รับวัคซีน Booster
ทั้ง Az และ Pfi ก็ยังมีอีกกลุ่มที่หมออยากจะให้ประชาชนส่งเสียงให้ "กลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์" เช่นกัน

ไม่ใช่ว่ากลุ่มอื่นๆไม่สำคัญ ทุกชีวิตสำคัญเท่ากันหมด เพียงแต่ด้วยความเป็นหมอสูติฯ ทำงานด้านคนท้องในช่วงตลอดระยะ
เวลาที่มีการระบาด ทำให้ได้รู้ว่าโอกาสที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะเข้าถึงวัคซีนยังมีน้อยมาก

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีคนท้องเสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วกว่า 30 คน และวันนี้ก็เพิ่งมีการเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน
ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตทั้งแม่และลูก มีเพียงส่วนน้อยที่แม่เสียชีวิต แต่ช่วยลูกรอดได้

เพราะในช่วงแรกที่ข้อมูลมีไม่เพียงพอ การฉีดวัคซีนในคนท้องมีเฉพาะวัคซีนในกลุ่มที่เป็น mRNA vaccine เท่านั้น
ยอมรับว่าเราไม่มีข้อมูลการใช้วัคซีนโควิดเชื้อตายและ viral vector ในคนท้องสักเท่าไหร่นัก
ทำให้การตั้งครรภ์กลายเป็นข้อยกเว้น คนกลุ่มนี้จึงไม่สามารถลงทะเบียน หรือเข้าคิวรับวัคซีนได้เหมือนคนทั่วไป

แม้ว่าต่อมาเราจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่างานวิจัยที่น่าเชื่อถือสนับสนุนจริงๆ ก็มีเพียงกลุ่ม mRNA vaccineเท่านั้น
ในขณะที่แทบไม่มีข้อมูลความปลอดภัยของกลุ่ม inactivated vaccine โดยอาศัยเพียงข้อมลูเก่าว่าเทคโนโลยีที่นำเชื้อตายมาทำวัคซีน
ไม่น่าจะเกิดปัญหา เพราะในคนท้องก็ใช้วัคซีนเชื้อตายกันปกติ เช่นเดียวกับกลุ่ม viral vector เองที่ยังมีข้อมูลน้อยกว่า mRNA vaccine

ซึ่งในตอนนี้ที่ประเทศไทยเริ่มมี mRNA vaccine เข้ามาบ้างแล้ว เพื่อเป็นโอกาสให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เข้าถึง mRNA vaccine เพราะที่ผ่านมาไวรัสโควิด-19 ทำให้แสดงอาการรุนแรงมากขึ้นในกลุ่มคนท้อง คนไข้ในความดูแลมีภาวะปอดบวมในขณะที่การใช้ยารักษาค่อยข้างจำกัด

ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงเป็นกลุ่มเปราะบางอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะต้องการการปกป้องดูแลเช่นกัน ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับ mRNA vaccine อย่างที่ควรจะได้และเร่งระดมฉีดเชิงรุกให้ทั่วถึง เพื่อเป็นการป้องกันทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ด้วย

ซึ่งในโรงพยาบาลต่างๆมีรายชื่อคนท้องในระบบอยู่แล้ว ถ้าทำจริงๆ ระดมฉีดตอนมาฝากครรภ์ก็จะเข้าถึงได้เป็นจำนวนมาก