เหตุที่เกิดลิ่มเลือดอุดตัน เพราะฉีดวัคซ๊นเข้าผิดจุด
นักวิทยาศาสตร์คลินิก จากมหาวิทยาลัยมิวนิก ประเทศเยอรมนี และ สถาบันวิจัยในอิตาลีพบว่า "ภาวะแทรกซ้อนที่หายากมากของ "วัคซีน อะดีโนไวรัส" นี้อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจาก วัคซีนถูกฉีดเข้าสู่กระแสเลือด!!"
การศึกษาเน้นย้ำว่า "การฉีดวัคซีนเข้าเส้นเลือดดำ โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเป็นกลไกที่ทำให้เกิดอาการ ของโรคเกล็ดเลือดต่ำ หลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว ซึ่งจะเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตัน กับ อาการเกล็ดเลือดต่ำ..."
นายแพทย์ "ราชีฟ จายาดีวัน" สมาชิกของกองกำลังเฉพาะกิจแห่งชาติ สำหรับการต่อสู่กับไวรัสโควิด ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "หากปลายเข็มเข้าไปไม่ถึงกล้ามเนื้อ หรือ ปลายเข็มไปโดนเส้นเลือดแทน วัคซีนก็สามารถฉีดเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยตรง!! และ สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้อยู่บ่อยครั้ง หากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝึกฝนมาไม่ดีพอ แล้วไปบีบผิวหนัง ซึ่งโดยปกติการฉีดวัคซีนไปที่กล้ามเนื้อ จะไม่มีการบีบผิวหนัง เมื่อผิวหนังถูกหนีบ ปลายเข็มจะไปถึงเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเท่านั้น ทำให้ไม่เพียงแต่วัคซีน จะดูดซึมได้ไม่ดีเท่านั้น แต่แทบจะไม่สามารถกระทบกับ หลอดเลือดที่เดินทางผ่านชั้นที่อยู่ ระหว่างผิวหนังและกล้ามเนื้อ"
อาการ "เกล็ดเลือดต่ำ" เป็นผลข้างเคียงที่หายาก มันเกิดขึ้นเมื่อแอนติบอดี ได้โจมตีโปรตีนในเลือด ซึ่งส่งผลให้เกิดการกระตุ้น ของเกล็ดเลือดในเลือด ทำให้พวกเขาจับกลุ่มกัน และ ก่อตัวเป็นก้อน!!
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแม๊กมาสเตอร์ แนะนำให้ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ร่วมกับยา "อิมมูโนโกลบูลิน" ทางหลอดเลือดดำ ในปริมาณสูงเพื่อต่อสู้กับอาการ "เกล็ดเลือดต่ำ"
นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า "ตัวอย่างเลือดที่นำมาจากผู้ป่วย หลังจากการรักษาใหม่ๆพบว่า "การกระตุ้นเกล็ดเลือด ด้วยแอนติบอดี จะทำให้ผลข้างเคีนงลดลงในทุกกรณี!!"
ที่มา: https://www.indiatimes.com/