ลุงพล สุดทน! ซัดกลับพ่อ-แม่

เมื่อพูดถึงคดีน้องชมพู่ หลายคนคงทราบกันดีว่าเวลาจะผ่านมาเกือบจะ 2 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถจับคนร้ายในคดีนี้ได้เลย มีการวิเคราะห์กันไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าคนนั้นทำคนนี้ทำ 

ซึ่งที่ผ่านมาได้เกิดความสงสัยจากทางครอบครัวของน้องชมพู่ที่สงสัยในตัวลุงพล (ลุงเขยของน้องชมพู) ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ทางด้านลุงพลเองก็ออกมาตั้งข้อสงสัยในตัวพ่อ-แม่ของน้องเช่นกัน เรียกได้ว่าซัดหมดเปลือกกันเลยทีเดียว

ล่าสุดวันนี้ (7 ก.ค.) ทางรายการโหนกระแส

ได้ทำการเชิญนายไชย์พล วิภา (ลุงพล) มาสัมภาษณ์ในรายการเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังพูดถึงว่าลุงพลเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาของครอบครัวน้องชมพู่

เจ้าตัวรับว่าการมาครั้งนี้จะต่างจากการมาครั้งแรกคือครั้งนี้จะเป็นการเปิดใจในความสงสัยที่ตนมีแต่แรกที่สังคมต้องรับรู้ แต่ไม่ได้พูดออกไปเพราะเห็นแก่หน้าพ่อแม่ของน้องชมพู่และยังคงยืนยันว่าน้องเดินขึ้นไปบนเขาไม่ได้เพราะเขาสูงเกินกว่าที่เด็กจะขึ้น นอกจากจะมีคนพาไป และประเด็นที่ตนสงสัย คือ วันที่ล้างหน้าศพน้อง คนอื่นล้างหน้าศพกันทั้งนั้น ยกเว้นพ่อแม่ของน้องชมพู่ที่ไม่ทำ ซึ่งมันผิดวิสัยพ่อแม่ที่ต่อให้เสียใจแต่นี่เป็นวาระสุดท้ายของลูกยังไงต้องทำ เรื่องการค้นหาตนไม่แน่ใจว่าพ่อแม่ออกค้นหาตอนไหนบ้าง นอกจากตอนกลางคืนวันที่ยังไม่เจอน้องชมพู่ก็ไม่เคยขึ้นภูเหล็กไฟอีกเลยแม้จะยังไม่เจอตัวน้อง แล้ววันที่เจอรองเท้านั้นอีก พ่อของน้องเองเป็นที่ยื่นกระเป๋าเสื้อผ้า ของกินมาให้และไม่ยอมขึ้นไปซึ่งมันแปลกมาก เพราะพ่อแม่ถ้าได้ยินเบาะแสของลูกก็ต้องขึ้นไปหาและพบความผิดปกติหลายอย่างของพ่อแม่ ในระหว่างที่เจ้าหน้าสืบหาพยานหลักฐาน จนหลายครั้งทำให้ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมตนถึงโดนเพ่งเล็งทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร เช่น หา DNA ในรถ ซึ่งยังไงก็ต้องมี DNA ของน้องอยู่แล้ว เพราะน้องเพิ่งขึ้นรถตนและอาเจียนใส่ไปก่อนหน้าที่จะหายไปและไม่ได้ทำความสะอาด อีกทั้งประเด็นที่ตนขับรถไปรับพระอีก

“ถ้าหวยออกมาจับที่ตน ตนก็จะสู้ สู้เพื่อให้รู้ว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนมั่นใจว่าตัวเองไม่มีหลักทรัพย์ประกันตัวแน่นอน ตนเองคิดว่าตำรวจเมืองไทยไม่ทำแบบนั้น เพราะตำรวจดี ๆ ไม่ทำแบบนั้นแน่นอน ต้องตรงมาตรงไป ตำรวจดี ๆ ต้องไม่จับแพะจับลา” ลุงพล กล่าว

และยังกล่าวต่อว่า ตนมีประเด็นสงสัยเพิ่มเติมกรณีบ้านน้องชมพู่ ทั้งเรื่องไม่ยอมขึ้นภูเหล็กไฟ ที่จนถึงวันนี้ก็ไม่เคยขึ้น ไม่เคยแม้แต่จะไปเชิญดวงวิญญาณด้วย

ส่วนการรีบเผาศพน้องและการเผาเสื้อผ้าน้องเป็นจำนวนมากนั้นชาวเน็ตก็ต่างพากันตั้งข้อสงสัยและแสดงความคิดเห็นกันไป ส่วนใหญ่ก็มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันกับลุงพล โดยตั้งข้อสังเกตจากหลาย ๆ กรณีในความเป็นพ่อและแม่ที่เสียลูกไป ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้