หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ภาพสถานที่ใน เหรียญบาท ที่เราแทบไม่เคยสังเกต

โพสท์โดย Most popular

สำหรับ เหรียญกษาปณ์ของไทย เราทราบดีว่ามีทั้งเหรียญ 1 บาท เหรียญ 2 บาท เหรียญ 5 บาท เหรียญ 10 บาท เหรียญ 25 สตางค์ และเหรียญ 50 สตางค์ ซึ่งปกติเรามักใช้ประโยชน์จากทุกเหรียญแต่อาจไม่เคยสังเกตเลยว่าภายในเหรียญมีภาพวัดที่แตกต่างกันไป ไม่ใช่วัดเดียวกัน วันนี้เราจึงนำภาพของวัด ที่ปรากฏในเหรียญแต่ละเหรียญมาให้ทราบ โดยต้องบอกว่าบางคนอาจจะสังเกตตแต่บางคนก็ลืมสังเกตไป

เหรียญ 25 สตางค์ – วัดมหาธาตุ

เหรียญ 50 สตางค์ – พระธาตุดอยสุเทพ

เหรียญ 1 บาท – วัดพระแก้ว

เหรียญ 2 บาท – ภูเขาทอง

เหรียญ 5 บาท – วัดเบญจมบพิตร

เหรียญ 10 บาท – วัดอรุณราชวราราม

อย่างไรก็ตามในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) มีการใช้หอยเบี้ยและพดด้วง ในการชำระเงิน การค้าระหว่างไทยกับต่างประเทศ มีการใช้เบี้ยทองแดงในต่างประเทศ จึงมีพระราชดำริให้ทำเบี้ยทองแดงจากประเทศอังกฤษมาเป็นตัวอย่าง 3 ชนิด ในปี ค.ศ.1197 หรือ จ.ศ. 2378 เมื่อทอดพระเนตรแล้วไม่โปรดในสายตา จึงมิได้นำออกใช้ แต่ก็ทรงพระราชประสงค์ที่จะทำเหรียญรูปกลมแบนอย่างสากล แต่ยังไม่สำเร็จก็เปลี่ยนรัชกาล

จนกระทั่งในรัชกาลที่ 4การค้าระหว่างไทยกับต่างประเทศก็ได้ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พ่อค้าชาวต่างประเทศเข้ามาค้าขายมากขึ้นและได้นำเงินเหรียญของตนมาแลกกับเงินพดด้วงจากรัฐบาลไทยเพื่อนำไปซื้อสินค้าจากราษฎร แต่ด้วยเหตุที่เงินพดด้วงผลิตด้วยมือจึงทำให้มีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการ ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกและการค้าของประเทศเสียประโยชน์

พระองค์จึงมีพระราชดำริที่จะเปลี่ยนรูปเงินตราของไทยจากเงินพดด้วงเป็นเงินเหรียญ ในปี พ.ศ. 2399 ได้ทดลองทำเหรียญรูปกลมแบนอย่างสากล โดยใช้ค้อนทุบตีโลหะให้เป็นแผ่นแบน แล้วตัดเป็นรูปเหรียญกลม ให้ได้ตามขนาดและน้ำหนัก แล้วใช้แม่ตราตีประทับ (HAND-HAMMERRING METHOD) แต่ผลิตได้ช้าและไม่เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีการใช้แม่ตราตีประทับกับเงินเหรียญต่างประเทศ เพื่อให้ราษฏรยอมรับ ในปี พ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้คณะทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรียที่ประเทศอังกฤษ สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย ได้จัดส่งเครื่องทำเหรียญเงินขนาดเล็กเข้ามาถวาย ทำงานด้วยแรงงานคนโดยใช้วิธีแรงอัดแบบ SCREW PRESS METHOD เป็นราชบรรณาการ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าให้จัดทำเหรียญกษาปณ์จากเครื่องจักรขึ้นเป็นครั้งแรก

เรียกกันว่า “เหรียญเงินบรรณาการ” ในขณะเดียวกันคณะทูตก็ได้สั่งซื้อเครื่องจักรทำเงินชนิดแรงดันไอน้ำ จากบริษัท เทเลอร์ เข้ามาในปลายปี 2401 พระองค์จึงโปรดเกล้าให้สร้างโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ขึ้นที่หน้าพระคลังมหาสมบัติ ในพระบรมมหาราชวัง ติดตั้งเครื่องใช้งานได้เมื่อ ปี พ.ศ. 2403 พระราชทานนามว่า “โรงกษาปณ์สิทธิการ” ในสมัยนี้จึงถือว่ามีการใช้เหรียญกษาปณ์แบบสากลนิยมขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมาแม้ได้ประกาศให้ใช้เงินตราแบบเหรียญแล้วก็ยังโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เงินพดด้วงอยู่เพียงแต่ไม่มีการผลิตเพิ่มเติม ได้ผลิตตามแจ้งที่แจ้งแก่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติเมื่อ ปี พ.ศ. 2438 พบว่ามีเหรียญตรามงกุฎดังกล่าวให้แลกอยู่ 6 ราคา ด้วยกัน คือ ราคา สองบาท หนึ่งบาท สองสลึง หนึ่งสลึง หนึ่งเฟื้อง และ สองไพ แต่ผลิตได้น้อยไม่พอแก่ความต้องการ นอกจากนี้ยังมีเหรียญ หนึ่งตำลึง กึ่งตำลึง และกึ่งเฟื้อง แต่ไม่ได้นำออกใช้ จึงเป็นพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์แรกที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิรูปเงินตราไทย จากที่เคยใช้เงินพดด้วง หรือเงินกลมที่ใช้มาแต่โบราณกาลให้มาใช้เงินเหรียญหรือเงินแบน แบบสากล

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปรับปรุงมาตรา เงินตราไทย ที่ใช้อยู่ในขณะนั้น คือ ชั่ง ตำลึง บาท สลึง เฟื้อง เป็นระบบโดยใช้หน่วยเป็นบาท และสตางค์ คือ 100 สตางค์ เป็น 1 บาท ตั้งแต่ พ.ศ. 2441 อันเป็นมาตราเงินตราไทยมาจนถึงปัจจุบัน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพระบรมรูปของพระองค์ประทับลงบนเหรียญ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการนำพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์ไทยประทับลงบนเหรียญกษาปณ์

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ได้มีการผลิตเหรียญกษาปณ์ เริ่มจากเหรียญทองแดงและเหรียญดีบุกตราพระบรมรูป – ตราแผ่นดิน ใน พ.ศ. 2493 ผลิตเหรียญราคา 5 บาท ขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2515 ผลิตเหรียญราคา 10 บาท ขึ้นเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2531 และได้มีการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน และเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก รวมทั้งมีการพัฒนาจัดทำเหรียญที่ระลึก ต่อเนื่องมาจนกระทั่งปัจจุบัน

และเหรียญที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือ เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เป็นเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนกันอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน มี 9 ชนิดราคา คือ 10 บาท, 5 บาท, 2 บาท, 1 บาท, 50 สตางค์, 25 สตางค์, 10 สตางค์, 5 สตางค์ และ 1 สตางค์ แต่ที่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมี 6 ชนิดราคา คือ 10 บาท, 5 บาท, 2 บาท, 1 บาท, 50 สตางค์, 25 สตางค์ ส่วนเหรียญชนิดราคา 10 สตางค์, 5 สตางค์ และ1 สตางค์ มีใช้ในทางบัญชีเท่านั้น

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.ให้ความรู้.com/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Most popular's profile


โพสท์โดย: Most popular
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้มหากาพย์ทะเลไทย กัมพูชา และบทบาทลับของเวียดนามไอเดียดี...แผงโซลาร์เซลล์บนภูเขาไท่หาง (Taihang Mountains) โครงการที่เปลี่ยนภูเขาทั้งภูเขา ให้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำหรับชนบทที่ห่างไกลของจีนทีมเจ็ทสกีกู้ภัย เขต 8 เจอชาวบ้านหัวร้อนลั่นไกไล่หลังอีก 2 นัด และเรือท้องแบนถูกฟาดหัว ล่าสุดทีมกู้ภัยถอนตัวออกจากพื้นที่้เขต 8 ทั้งหมดแล้ว ไม่ปลอดภัยรวมภาพตลกเฮฮาขำขันประจำวันนี้ วันที่อากาศหนาวเย็นมากขึ้นในหลายพื้นที่ แต่บางพื้นที่ก็ยังมีฝนตกหนักน้ำท่วม รักษาเนื้อรักษาตัวกันด้วยน๊าเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่อพาร์ทเมนท์ในฮ่องกงเผยสถิติเลขออกบ่อย ย้อนหลัง 20 ปี..งวดวันที่ 1 ธันวาคม 68ผู้ประสบภัย น้ำท่วมขังหาดใหญ่โพสต์ภาพบ้านผุพังไม่เหลืออะไรเลยนักร้องลูกทุ่งสาว ลิลลี่เครียดหนักตอนนี้บ้านที่หาดใหญ่น้ำท่วมหนักและสูงมากทนายธรรมราช เชื่อภัยพิบัติน้ำท่วมเกิดจากการที่คนไทยห่างจาก ทาน ศีล ภาวนา ลบหลู่ดูหมิ่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นายกฯ ไม่ทิ้งประชาชน ประกาศปักหลักหาดใหญ่ ไม่บินกลับ จนกว่าน้ำท่วมจะคลี่คลายกรี๊ดสนั่น พ่ออุ้มลูกไปกำแพง พลาดตกน้ำ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่อพาร์ทเมนท์ในฮ่องกงทีมเจ็ทสกีกู้ภัย เขต 8 เจอชาวบ้านหัวร้อนลั่นไกไล่หลังอีก 2 นัด และเรือท้องแบนถูกฟาดหัว ล่าสุดทีมกู้ภัยถอนตัวออกจากพื้นที่้เขต 8 ทั้งหมดแล้ว ไม่ปลอดภัย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่อพาร์ทเมนท์ในฮ่องกง"แนท เกศริน" บินด่วน ลุยน้ำท่วมช่วยพี่น้องหาดใหญ่“ยูโร” แจงดราม่าฉากจูบดูดดื่ม กับ “สน ยุกต์” กลางแฟนคอนผู้ประสบภัย น้ำท่วมขังหาดใหญ่โพสต์ภาพบ้านผุพังไม่เหลืออะไรเลย
ตั้งกระทู้ใหม่