โอนเงินแล้ว 1.77ล้านครัวเรือน ธ.ก.ส.เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา
ธ.ก.ส. เร่งจ่ายเงินช่วยเหลือโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 อัตรา 500 บาทต่อไร่ สูงสุดไม่เกิน 20ไร่ ต่อครัวเรือนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว 1.77ล้านครัวเรือน เป็นเงินกว่า 10,976 ล้านบาทจากเป้าหมาย 4.31 ล้านครัวเรือน วงเงินกว่า 24,000ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวแก่เกษตรกร พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือดูแลเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติวงเงิน 65,000 ล้านบาท เร่งลงพื้นที่เยี่ยมเยียนเกษตรกรเพื่อรับทราบปัญหาและมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรที่ประสบภัย ทั้งภัยแล้งและอุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และเศรษฐกิจโดยรวม จึงได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ผ่าน ธ.ก.ส. เช่นโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 โดยมอบเงินช่วยเหลือค่าต้นทุนการผลิต ในอัตราไร่ละ 500 บาท ตามพื้นที่ที่ปลูกข้าวจริงแต่ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ วงเงิน 24,810 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเกษตรกรที่จะได้รับประโยชน์ 4.31 ล้านครัวเรือน ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้งและน้ำท่วมที่ส่งผลให้เกษตรกรมีภาระต้นทุนการผลิตข้าวสูงขึ้น และยังเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งเพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว
นอกจากนี้ ในส่วนของเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ได้มอบหมาย ธ.ก.ส. พิจารณาให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นได้จัดหาถุงยังชีพไปมอบให้ผู้ประสบภัย การเข้าไปสนับสนุนศูนย์อพยพหรือจุดรวมพลเพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะพิจารณามอบเงินช่วยเหลือทั้งในเรื่องของการซ่อมแซมบ้าน ของใช้จำเป็นในครัวเรือน การซ่อมแซมเครื่องมือ เครื่องจักรกลทางการเกษตร เป็นต้น ด้านภาระหนี้สินที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ก็ได้มีมาตรการขยายระยะเวลาชำระหนี้ และพิจารณาให้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่จำเป็นในครัวเรือน เพื่อป้องกันการก่อหนี้นอกระบบ ไม่เกินรายละ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ในช่วง 6 เดือนแรก และสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูการผลิตและการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น ค่าลงทุนสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือเครื่องจักรกลที่จะนำมาใช้ในการฟื้นฟูอาชีพ เป็นต้น ไม่เกินรายละ 500,000 บาท ชำระคืนไม่เกิน 15 ปี อัตราดอกเบี้ย MRR-2 หรือเท่ากับร้อยละ 4.875 ต่อปี รวมวงเงินสินเชื่อเพื่อรองรับมาตรการต่างๆ ดังกล่าว จำนวน 65,000 ล้านบาท
ด้านนายอภิรมย์ สุขประเสริฐผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่าธ.ก.ส. ได้เร่งโอนเงินตามโครงการแก่เกษตรกรไปแล้วจำนวน1,773,549 ครัวเรือน เป็นเงินกว่า10,976ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 40ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 (รอบที่1) กับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยอีกร้อยละ 60 ทางกรมส่งเสริมการเกษตรจะทยอยส่งข้อมูลการเพาะปลูกให้ ธ.ก.ส. เพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯและเตรียมจ่ายเงินต่อไปโดยมีระยะเวลาการจ่ายเงิน ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ยกเว้นภาคใต้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563ทั้งนี้ การโอนเงิน ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเกษตรกรสามารถตรวจสอบรายชื่อและสถานะการโอนเงินได้ที่ลิ้งค์https://chongkho.inbaac.com และตรวจสอบจำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีผ่าน ธ.ก.ส. A-Mobileตู้ ATM ทุกธนาคารและเครื่องปรับสมุดเงินฝากอัตโนมัติของ ธ.ก.ส. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและสามารถเบิก-ถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา หรือใช้บริการผ่านตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร รวมทั้งสามารถนำไปใช้จ่ายผ่าน ธ.ก.ส.A-Mobile ซึ่งคาดว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรมีสภาพคล่องในการใช้จ่ายและกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยนายอภิรมย์ กล่าวว่าธ.ก.ส.ได้มอบหมายให้พนักงานในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพ จากกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยธรรมชาติและภัยพิบัติจำนวนกว่า 27,000 ถุง พร้อมสนับสนุนอาหาร น้ำดื่ม บริการสุขาเคลื่อนที่ เต็นท์สนาม ที่ศูนย์อพยพหรือจุดรวมพล อีก 13 จุด ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือด้านภาระหนี้สิน ธ.ก.ส. จะพิจารณาขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามความหนักเบาของผู้ประสบภัยทุกราย และได้ดำเนินการจ่ายสินเชื่อฉุกเฉินให้เกษตรกรที่ประสบภัย ทั้งภัยแล้งและอุทกภัยไปแล้วกว่า 24,000 ราย วงเงินประมาณ 1,200 ล้านบาท และสินเชื่อสำหรับฟื้นฟูผู้ประสบภัย จำนวน 2,073 ราย วงเงินประมาณ 400 ล้านบาท
ในส่วนของจังหวัดของแก่น มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63ได้รับเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตจำนวน 192,675 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,025 ล้านบาท และได้จ่ายค่าสินไหมทดแก่เกษตรกรผู้ประสบ ภัยแล้งที่เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 จำนวน 13,100 ราย พื้นที่การเกษตร 161,793 ไร่ เป็นเงิน 218 ล้านบาท ทั้งนี้เกษตรกรที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติหรือมีข้อสงสัยในมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ สามารถติดต่อ ธ.ก.ส. ในพื้นที่ หรือสอบถามข้อมูลได้ที่Call Center 02 555 0555
อ้างอิงจาก: Cr.สำนักประชาสัมพันธ์เขต 7
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้
มหากาพย์ทะเลไทย กัมพูชา และบทบาทลับของเวียดนาม
กรี๊ดสนั่น พ่ออุ้มลูกไปกำแพง พลาดตกน้ำ
กรมสรรพากร ประกาศเตือนภัย ให้ระวังมิจฉาชีพ 'ส่งอีเมลปลอม' อ้าง 'คืนเงินภาษี'
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ ส่วนข้อคิดประจำวันก็คือ ผัดหอยลายบางทีหอยลายบางตัวก็มีโคลน ควรมีถ้วยแยกแกะเนื้อหอยลายต่างหากเอาไว้เสมอ ขอบคุณมากครับ
รวมภาพตลกเฮฮาขำขันประจำวันนี้ วันที่อากาศหนาวเย็นมากขึ้นในหลายพื้นที่ แต่บางพื้นที่ก็ยังมีฝนตกหนักน้ำท่วม รักษาเนื้อรักษาตัวกันด้วยน๊า
เขมรไม่ส่งนักกีฬามา "ซีเกมส์" ที่ไทย..อ้างเสียศักดิ์ศรีและไม่มีความปลอดภัย
ชาวบ้านงงงวย หลังเห็นลิงนับร้อย แห่วิ่งลงจากภูเขา
เตือน ผู้ใช้ เป๋าตัง ห้ามกดปุ่มล็อก G-Walletเด็ดขาด ปลดล็อกยาก เสียเวลาโดยใช่เหตุ
จิตวิทยาฉบับ Stranger Things: EP.1 บทเรียนจาก Max vs Vecna เมื่อ Music Therapy ดนตรีบำบัด PTSD ดั่งเชือกที่ดึงเราออกจากบาดแผลทางใจ (trauma)
ศาลสั่งจำคุก สิระ เจนจาคะ 1 ปี จำเลยให้การเป็นปนะโยชน์ลดโทษ จำคุก8 เดือน ไม่รอลงอาญา กรณี หมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
"โอ๊ต ปราโมทย์" ลั่นกลางเวทีเปิดหมวก "ถ้าพึ่งกันเองได้ แล้วจะมีคนบริหารประเทศทำไมวะ!?"
กรี๊ดสนั่น พ่ออุ้มลูกไปกำแพง พลาดตกน้ำ
เตือน ผู้ใช้ เป๋าตัง ห้ามกดปุ่มล็อก G-Walletเด็ดขาด ปลดล็อกยาก เสียเวลาโดยใช่เหตุ
กรี๊ดสนั่น พ่ออุ้มลูกไปกำแพง พลาดตกน้ำ
เตือน ผู้ใช้ เป๋าตัง ห้ามกดปุ่มล็อก G-Walletเด็ดขาด ปลดล็อกยาก เสียเวลาโดยใช่เหตุ
ครบรอบ 22 ปี “มหาอุทกภัยหาดใหญ่ 2543” บทเรียนครั้งใหญ่ของเมืองลุ่มน้ำอู่ตะเภา ที่ยังสะท้อนถึงปัจจุบัน
ศาลสั่งจำคุก สิระ เจนจาคะ 1 ปี จำเลยให้การเป็นปนะโยชน์ลดโทษ จำคุก8 เดือน ไม่รอลงอาญา กรณี หมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์



