เปิดอาชีพ ตั้ม แปดริ้ว หลังถูกเมียรัก ยกเค้าตู้เซฟ 16.3 ล้าน

จากกรณี นายกิตติ พจนานุภาพ อายุ 38 ปี ถูก น.ส.ฐิติรัชช อายุ 42 ปี อดีตภรรยา พร้อมด้วย นางอารี อายุ 66 ปี แม่ยาย ร่วมกันลักทรัพย์สินจากภายในตู้เซฟบนห้องนอน ชั้น 2 ที่บ้าน ม.1 ต.พนมสารคาม อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

ซึ่งเป็นพระเครื่องเนื้อพิเศษและเนื้อทองคำ จำนวนกว่า 300 องค์ มูลค่าเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท แต่คาดว่าอาจมากถึงเกือบ 10 ล้านบาท เงินสด 3 แสนบาท และใช้บัตรกดเงินสดทยอยถอนเงินออกจากในบัญชีธนาคารที่โอนมาไว้เพื่อใช้จ่ายในการปลูกสร้างบ้านรวม 4 ธนาคารไปอีก 11 ล้านบาท รวมมูลค่าเบื้องต้น 16.3 ล้านบาท

เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ก่อนที่ตนจะทราบว่าทรัพย์สินได้สูญหายไปในวันที่ 28 พ.ค.62 หลังจากนั้นจึงได้ พยายามติดต่อกับทางอดีตภรรยาแต่เขาไม่ยินยอมพูดคุยด้วย และไม่รับโทรศัพท์ จึงได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.พนมสารคาม เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ทำการออกหมายเรียกให้มาทำการสอบสวนปากคำดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” เอาไว้แล้ว

สำหรับอดีตภรรยาของตนนั้น เดิมทีเป็นพนักงานล้างรถอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเมื่อกว่า 20 ปีก่อน และได้มาชอบพอรักใคร่อยู่กินด้วยกันกับตนมานานถึงเกือบ 20 ปี แต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน จนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วัย 11 ขวบ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันมา ตนไม่เคยตบตีหรือมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันมาก่อน แต่อยู่ดีๆ ภรรยากลับลักทรัพย์สินจากภายในตู้เซฟของตนจำนวน 2 ใบ จากทั้งหมด 3 ใบ

ซึ่งการนำทรัพย์สินกลับมาไว้ยังที่บ้านเกิดใน อ.พนมสารคาม นั้น เนื่องจากตนเริ่มเบื่อหน่ายต่อการใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ แล้ว จึงได้เตรียมที่จะกลับมาปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 2 หลังบนที่ดินของมารดา และได้โอนเงินเข้าบัญชีของภรรยา เพื่อให้ไว้ใช้จ่ายเป็นค่าก่อสร้างบ้านรวม 4 บัญชีดังกล่าว เนื่องจากทางอดีตภรรยานั้นได้รับว่าจะมาดูแลการก่อสร้างให้ จึงไม่คิดว่าจะมาถูกเชิดเอาเงินและทรัพย์สินหลบหนีไปแบบนี้

ขณะเดียวกัน ร.ต.อ.สุริยันต์ แก้วพิฑูลย์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.พนมสารคาม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ในวันนี้ น.ส.ฐิติรัชช ได้ให้ทนายติดต่อนัดหมายเพื่อที่จะเข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียกแล้ว ในเวลา 10.00 น. แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายกลับไม่ยินยอมเข้ามาพบพนักงานสอบสวนตามนัด เมื่อติดต่อไปยังทางทนายความของทาง น.ส.ฐิติรัชช ได้รับคำตอบว่า ได้มีการขอเปลี่ยนตัวทนายความแล้วจึงยังไม่ได้เดินทางมาตามนัด

ซึ่งในคดีนี้ทางผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี” และจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อทางน้องชายของผู้ถูกกล่าวหาด้วย ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการหลบหนี” หลังผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าน้องชายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการนำพาเอาทรัพย์สินไป

ซึ่ง ตั้ม แปดริ้วนั้น เป็นทายาทเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันชื่อดังย่านพนมสารคาม และธุรกิจขนส่งสินค้ารายใหญ่ใน จ.ฉะเชิงเทรา อีกทั้งยังเป็นนายกสมาคมจิตรางค์คนางค์อนุรักษ์พระเครื่องไทย