หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อดีตหนุ่มธนาคาร ลาออกเป็น “เกษตรกร” เลี้ยงไก่อินทรีย์ สุขใจแม้ถูกว่าจบดร. แต่ทำนา!

โพสท์โดย warrior B

 

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก กับชีวิตอดีตหนุ่มธนาคารวัย 31 ปี ขอลาออกเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ โดนเหยียดหยามบ้าจบดร. เรียนสูงแต่ทำนา เลี้ยงไก่แบบอินทรีย์ผลิต “ไข่ขบถ” ปลูกผักคุณภาพดีปลอดสาร ก่อนผันตัวเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยคืนความรู้ให้ชุมชน

ที่บ้านรักษ์ดิน ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูผิวเผินก็เป็นเพียงหนุ่มอาชีพเกษตรกรรม ที่ง่วนอยู่กับการเลี้ยงไก่ ปลูกผัก ทำนา ไม่ได้มีอะไรพิเศษเหนือไปกว่าชาวบ้านคนอื่นๆ ทว่าในความเป็นจริงอีกด้าน หนุ่มคนนี้กลับเป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งสอนอยู่ที่คณะนวัตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยรังสิต ชื่อว่า “สิริกร ลิ้มสุวรรณ” ดำรงตำแหน่ง ผอ.สถาบันบ่มเพาะและส่งเสริมเกษตรอินทรีย์วิถีไทยและอาหาร ในวัยเพียง 31 ปีเท่านั้น เมื่อเสร็จจากภาระการสอนก็จะกลับไปเป็นหนุ่มชาวไร่ชาวสวนธรรมดาคนหนึ่ง ที่รักวิถีชีวิตท้องไร่ท้องนา และชื่นชอบการทำเกษตรแบบคนรุ่นใหม่

แต่ตำราชีวิตเล่มนี้กว่าจะมาอยู่ตรงหน้าของทุกคนในวันนี้ ชีวิตของเขาได้ผ่านทั้งอุปสรรคและแรงกดดันจากสังคมไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

เด็กมัธยมฯ ปลายจากรั้ว “โรงเรียนสมเด็จย่า” หรือ รร.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ กาญจนบุรี ได้ซึมซับและชอบเรียนรู้โครงการพระราชดำริ กระทั่งเรียนต่อปริญญาตรีทางด้านนิติศาสตร์ แต่เมื่อจบได้ทำงานในฝ่ายการตลาดของธนาคารแห่งหนึ่ง ที่ชีวิตและเงินเดือนก็ไปได้ด้วยดี

แต่เขากลับกล่าวว่า “ผมไม่ได้มีความสุขกับงานแบงก์เท่าไหร่นะครับ เรามัวแต่สวมแว่นตาของคนเมือง แต่ชาวบ้านเขาสวมแว่นตาแห่งความสุข บางครั้งใน 1 วันไม่จำเป็นต้องใช้เงินด้วยซ้ำ มันทำให้เห็นว่าปลูกผักปลูกหญ้าเราก็อยู่ได้”

เขาย้อนความทรงจำให้ฟังว่า ในปีพ.ศ. 2548 สมัยที่เขายังเป็นนักศึกษา ระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เกิดการชุมนุมของชาวเกษตรกร จึงลงไปพูดคุยจนรู้ว่า “อ๋อ…ถ้าเขาไม่เดือดร้อนก็ไม่ออกมาชุมนุมหรอ” และเริ่มสนใจเกษตรกรรมอย่างจริงจัง สิ่งแรกที่อยากจะทำคือ…อยากจะทำกิจกรรมเพื่อชุมชนเพื่อตอบสนองความต้องการที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดให้เจริญมากยิ่งขึ้น

แต่อีกมุมหนึ่งความคาดหวังของคนในครอบครัว เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน จึงทำให้คุณพ่อซึ่งทำงานการไฟฟ้าฯ และคุณแม่ที่เป็นรองผอ. ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ท่านทั้งสองเกิดความไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายคนนี้กำลังจะลงมือทำ

ช่วงเวลาว่างจากการเรียน เขาใช้เวลานั้นกลับไปที่บ้านเสมอ ๆ ลงมือเลี้ยงไส้เดือนเพื่อผลิตเป็นปุ๋ย เลี้ยงวัว ศึกษาการทำนา ปลูกผักคะน้า ผักกาดแก้ว ผักกวางตุ้ง เพราะซึมซับและเรียนรู้มาจากคุณยายวัย 80 ปี (ขณะนี้ท่านจากไปแล้ว) อีกทอดหนึ่ง ซึ่งคุณยายมีลูกทั้งหมด 7 คน แต่ไม่มีใครประกอบอาชีพเกษตรกรรมเลย

นั่นเป็นเพียงคำนำไม่กี่หน้าของตำราชีวิตหนุ่มคนนี้ จนกระทั่งได้มาทำงานที่ฝ่ายการตลาดของธนาคาร แต่หลังจากนี้ต่างหากที่เขาพยายามใช้ปากกาด้ามที่แข็งแรงที่สุด ร่างอนาคตที่เขาจะเป็นผู้กำหนดเอง เพราะการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เนื่องด้วยระบบงานที่พรากเวลาชีวิตไปจากครอบครัว แม้กระทั่งแม่ของเขาป่วยก็ยังหาจังหวะลางานไม่ได้

“เราทำงานมีเงินเก็บนะครับ แต่เหมือนเราไม่มีชีวิต แม่ป่วยก็ลาไม่ได้ มันทำให้เราคิดว่าต้องมีเวลาให้ครอบครัวบ้าง เราขายได้ทุกอย่าง แต่เราจะขายจิตวิญญาณไม่ได้ คุณพ่อก็บอกว่าให้คิดดี ๆ ลาออกมาทำเกษตรกรมันไม่ง่าย ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย และทางที่จะรวยมันยากด้วย”

เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากลาออกจากธนาคาร เป็นวันแรกที่เขาลงดำนาปลูกข้าวหอมมะลิ 100% จำนวน 3 ไร่ด้วยตัวเขาเอง เพื่อสู้กับการทำนาแบบเคมีแปลงใกล้เคียง ลองดูว่าจะรอดหรือไม่รอด ซึ่งเมื่อผ่านไป 4 เดือน ได้ข้าวเปลือก 1 ตัน และสีออกมาได้ข้าวสาร 800 กก. โดยครึ่งหนึ่งเก็บไว้กิน ส่วนอีกครึ่งนำไปบดเป็นผงเพื่อจำหน่ายเป็นผงผอกหน้า ฉะนั้นแล้วไม่ได้แข่งกันที่ปริมาณ แต่แข่งกันที่นวัตกรรม เพราะไม่มีใครอยากได้ผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนสารเคมี ผู้บริโภคทุกคนก็อยากได้อะไรที่เป็นอินทรีย์กันทั้งนั้น

“…ก็อยากจะลองดูว่า เสื้อผ้าเกาหลียังรอพรีออเดอร์กันได้ แล้วทำไมสินค้าเกษตรของคนไทยถึงจะรอกันไม่ได้ จึงตัดสินใจศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อเปิดตลาดออนไลน์แล้วได้ใช้ความรู้จากปริญญาโทสาขาวิชากฎหมายมหาชน จัดตั้งบ้านรักษ์ดินเป็นวิสาหกิจเพื่อชุมชน ปลูกผัก ปลูกผลไม้อย่างไร เลี้ยงหมูหลุม เลี้ยงไส้เดือน โดยเฉพาะเลี้ยงไก่ขายไข่ขบถ และต่อยอดถึงปริญญาเอก จนกระทั่งพ่อกับแม่เปิดใจยอมรับ กับคำถามและความสงสัยที่ว่า…ที่นั่งพิมพ์อยู่หน้าจอมันจะมีเงินเข้ามาในบัญชีได้อย่างไร”

ในวันนี้เขาพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่แต่ละคนครหาเขาว่า “บ้าไปแล้ว จบปริญาโท ปริญาเอก เป็นดร. แต่เลือกมาทำนา”เป็นเพียงแค่ชุดความเชื่อเดิม ๆ ที่ยังไม่ปรับเปลี่ยน “ผมได้คำตอบให้แม่แล้ว ผมไม่ได้บ้านะครับ” การทำงานในห้องแอร์แต่ไร้ความสุขและเวลาให้ครอบครัว ใครจะอยากทำ ลองถามใจตัวเองว่าตรงกันข้ามจะหอมหวานแค่ไหน ถ้าความสุขที่ได้ในชีวิตล้นออกมาจากการทำงาน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิธีคิดจากแรงกดดันให้เป็นผลักดัน คำเหยียดหยามทั้งหมดก็จะได้รับการพิสูจน์ในที่สุด

ขอบคุณที่มา: http://www.fastviweuk.com/?p=5173
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (5/5 จาก 4 คน)
VOTED: zerotype, เยี่ยหัว, มยุริญ ผดผื่นคัน, ชื่อเเละนามสกุล
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้10 เลขขายดี "สลากพารวย" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 68..ส่องเลย เลขไหนมาแรง!!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นักเรียนทะเลาะวิวาทชักปืนยิงกัน เพื่อนวิ่งหนี ไม่คิดชีวิต เสียชีวิต 1 รายตำรวจรวบตัวทันควัน8 สิ่งของในบ้าน ที่ดึงดูด "งู" ให้เลื้อยเข้ามาในบ้านแนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ญี่ปุ่นสั่งเครื่องบินรบขึ้นฟ้า หลังพบโดรนของจีนใกล้ไต้หวันกรุงจาการ์ตาสั่งห้ามจำหน่ายเนื้อสุนัขและแมวแล้ว!!4 สาธารณูปโภคซอฟต์แวร์ที่ทําลายอายุการใช้งาน SSD ของคุณอย่างเงียบ ๆเทศบาลนครศรีธรรมราช ‘ปักธงแดง’ เตือนภัยน้ำท่วม หลังระดับน้ำในคลองเพิ่มต่อเนื่อง พื้นที่ลุ่มต่ำเตรียมพร้อมรับมือ🙏🏻😭
ตั้งกระทู้ใหม่