หนุ่มได้รับอภัยโทษ ขอออกเดินเท้า พิสูจน์ตัวเอง เพื่อขอที่ยืน คืนกลับสู่สังคม

การจะคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนผู้พ้นโทษสมควรจะได้รับโอกาสให้สามารถประกอบอาชีพมีรายได้พึ่งพิงตัวเองได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในแง่เศรษฐกิจตลาดแรงงานไทยมีความขาดแคลนแรงงานเป็นอย่างมากจนต้องใช้แรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ผู้พ้นโทษจึงเป็นทรัพยากรภายในประเทศที่มีคุณค่าที่จะช่วยสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ แต่ถึงอย่างนั้นภาพลักษณ์และประวัติที่เสียไปแล้วก็ยากที่จะหางานทำ การพิสูจน์ตัวเองจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เช่นเดียวกับเรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า ชนิภา า. ได้มีการลงเรื่องราวโดยระบุว่า #ที่โพสไม่ได้จะเอาหน้าแต่แค่อยากให้คนที่เจอช่วยเหลือและชื่นชมพี่เขาค่ะ

โดยเธอระบุว่า พี่เขาชื่อ นายชาตรี รู้ระวัง อายุ32ปีที่อยู่ 50ม.5 ต.หนองกุม อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ค่ะ พี่คนนี้เขาได้ติดคุกและได้ย้ายตัวมายุ่ที่เรือนจำ อำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี แล้วได้อภัยโทษจาก ร.10 จนได้พ้นโทษพี่เขาก้อเลยทำดีตอบแทนพระคุณของพระมหากษัตริย์โดยการเดินจากเรือนจำ อำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ไปยังจุดหมายปลายทางของพี่เขาคือท้องสนามหลวงที่กรุงเทพค่ะ ณ ตอนนี้พี่เขาได้เดินทางเป็นระยะเวลา2วันแล้วค่ะ

พี่เขาเป็นคนอ.บ่อพลอยได้โดนย้ายตัวมาที่เรือนจำทองผาภูมิค่ะเพิ่งพ้นโทษเมื่อวันที่7/6/62 และเริ่มเดินเท้าตั้งแต่วันที่พ้นโทศเลยค่ะ #ใครเจอพี่เขาก้อสามารถช่วยได้นะคะ #สิ่งที่เราให้พี่เขาอาจจะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆแต่ก้อเป็นสิ่งน้ำใจนะคะ

หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจพร้อมชื่นชมหนุ่มคนดังกล่าวเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ต้องราชทัณฑ์ราว 3 แสนคน โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 19,650 คนในปี พ.ศ.2503 ขณะที่สัดส่วนผู้ต้องขังต่อประชากร ก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากนักโทษ 72 คนในปี พ.ศ.2503 เป็น 526 คนต่อประชากร 1 แสนคนในปัจจุบันโดยทั้งจำนวนและสัดส่วนได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี พ.ศ.2543 ส่งผลให้เรือนจำที่มีอยู่ 145 แห่งทั่วประเทศ มีสภาพแออัดและเป็นภาระงบประมาณแผ่นดินมากขึ้น

โดยงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับนักโทษเฉลี่ย 21,000 บาท/คน/ปี และงบประมาณสำหรับกรมราชทัณฑ์สูงถึง 12,141 ล้านบาท/ปี

การที่จำนวนผู้ต้องราชทัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ส่วนหนึ่งมีผลมาจากการที่ไม่สามารถหางานทำได้ สำหรับอัตราการกระทำผิดซ้ำและถูกส่งกลับไปยังเรือนจำอีกภายใน 1, 2 และ 3 ปี คิดเป็นร้อยละ 15, 25 และ 33 ของผู้พ้นโทษทั้งหมดโดยเฉลี่ยในช่วงปี 2556-2560 ตามลำดับสาเหตุสำคัญ นอกจากสังคมมีอคติไม่ยอมรับผู้ที่เคยต้องโทษจำคุกแล้ว กฎหมายบางฉบับก็ยังมีลักษณะกีดกันผู้พ้นโทษให้ไม่สามารถประกอบอาชีพบางประเภทได้อีกด้วย ทั้งนี้ในแต่ละปีจะมีผู้พ้นโทษประมาณ 140,000 คนที่ต้องการหางานทำ

ขอบคุณเรื่องราวจาก ชนิภา า.