แกนนำเสื้อแดงไว้อาลัยและกราบอโหสิกรรม "ป๋าเปรม" ลั่นไม่ลืมคุณูปการของป๋า

วันนี้ 27 พ.ค. 2562 ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายดำ อ.968/256 คดียื่นฟ้องอดีตนปช. นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, และพวกอีก 13 คน ซึ่งก่อนเข้าห้องได้ให้สัมภาษณ์ว่า

นายวีระกานต์ : "รู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา ป๋าเป็นที่เคารพนับถือตั้งแต่แรก เป็นสัจธรรม ชีวิตเกิดขึ้น ดำรงอยู่ แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ก็ต้องทำใจว่าเป็นธรรมชาติ วันนี้ก็เสียใจอย่างสุดซึ้งต้องอโหสิกรรมอยู่แล้ว อะไรที่เป็นบทเรียนก็ต้องเก็บไว้ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ส่วนตัวก็จะเดินทางไปฟังสวดศพด้วย  "

นายณัฐวุฒิ : "ในฐานะที่ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง วาระที่ท่านถึงแก่อสัญกรรม ก็ต้องแสดงความเสียใจและแสดงความอาลัย โดยกระบวนการเคลื่อนไหวต่างๆ ของพวกเราที่ผ่านมา เราก็ได้พูดชัดมาตลอดว่าไม่ได้มีประเด็นส่วนตัวกับใคร เป็นเรื่องของหลักการและสถานการณ์ ซึ่งต้องแยกให้ชัดว่าเป็นมิติการต่อสู้ทางการเมืองและหลักการประชาธิปไตย แต่ในทางส่วนตัวในวาระที่ท่านถึงแก่อสัญกรรม ประชาชนก็พึงที่จะแสดงความอาลัยกับการสูญเสียครั้งสำคัญยิ่งในครั้งนี้"

นายจตุพร : "พวกตนประกาศตั้งแต่ต้นเรื่องคุณูปการของ พล.อ.เปรม มีหลายเรื่องที่คนไทยต้องไม่ลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ซึ่งเป็นการยุติการต่อสู้ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลไทย สามารถลดความตายในแต่ละปีเป็นจำนวนนับพัน พล.อ.เปรม ได้ประกาศคำสั่งยุติความตาย นำคนไทยที่เข้าป่าไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา ประชาชน กลับมาร่วมกันพัฒนาชาติไทย ต่อมาคือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นแบบอย่างหนึ่ง

สุดท้ายก็คือคำว่าผมพอแล้ว เป็นสัจธรรมทางอำนาจที่ผู้มีอำนาจในยุคหลังควรที่จะเอาเป็นแบบอย่าง ส่วนเรื่องความเห็นที่แตกต่างกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมในฐานะคนพุทธก็กราบขออโหสิกรรม เราเป็นคนไทยสามารถแยกแยะทุกอย่างได้"

ทางด้านนายจตุพรนั้น เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ได้กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวีเวทีทัศน์ หลังทราบข่าวการถึงแก่อสัญกรรมของพลเอกเปรมฯ มวลชนเสื้อแดงต่างส่งเสียงปรบมือกัน แต่นายจตุพรได้ห้ามปราม และกล่าวว่า

"อยากให้พี่น้องฟังกันโดยสงบ เพื่อให้เห็นว่าเราเองนั้น เราอยู่อย่างมีวัฒนธรรม อย่างมีความเข้าใจ วันนี้พลเอกเปรม ถึงแก่อสัญกรรม เราอย่าได้มีความรู้สึกดีใจเลย"

และยังกล่าวต่อว่า "ตลอดระยะเวลา 10 ปีนี้ สิ่งที่เห็นต่างกันนั้น เราได้พูดกันไปหมดแล้ว มีเรื่องมีราวกันมากมาย แต่เราเป็นคนไทย เป็นพุทธศาสนิกชน เมื่อทุกอย่างได้จบกัน ก็อโหสิกรรมกันไป นี่เป็นเรื่องปกติของคนที่เกิดมาเป็นคนพุทธ และอยู่อย่างวิญญูชนทั้งหลาย เพราะฉะนั้น เรื่องราวของมนุษย์ แต่ละห้วงเวลามันแตกต่างกัน บางเวลาเขาก็ได้ได้สร้างคุณูปการไว้มากมาย อย่างน้อย 2 เรื่อง คือเรื่องคำสั่งที่ 66/23 ที่ยุติสงครามที่ฆ่ากันทั้งประเทศ ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และกองทัพของรัฐบาลไทย และ เรื่องคำว่าผมพอแล้ว นี่ก็เป็นสัจธรรมทางการเมืองของคนที่รู้จักพอ"

สำหรับเรื่อง คำสั่ง 66/23 เจ้าของโพสต์ขอขยายความให้ฟังกันนะ 

ช่วงนั้น พ.ศ.2523 เป็นช่วงปลายสงครามเย็น หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 รัฐบาลก่อนหน้านั้นมีนโยบายปราบปรามผู้มีความเห็นต่างทางการเมืองด้วยหลักการแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงมากขึ้น มีการลอบฆ่า ทำร้ายทำลายกันของทั้งสองฝ่ายที่เห็นต่างทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐฯและฝ่ายตรงข้าม ส่งผลให้ช่วงนั้นเป็นเผชิญสงครามแย่งชิงมวลชนกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หลังจาก พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากนายกรัฐมนตรี เดือนมีนาคม 2523 พล.อ.เปรม ได้รับแต่งตั้งจากสภา ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี 

"สงครามเย็น" มีผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยดำรงเจตนาอันแน่วแน่ทำสงครามปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจรัฐ โดยใช้เงื่อนไขประชาชาติประชาธิปไตยเป็นหลักและใช้เงื่อนไขอื่นๆ รัฐบาลมีความคิดแน่วแน่ที่จะธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย จึงมีภาระหน้าที่สำคัญในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์อันเป็นสาเหตุสำคัญยิ่งในการบั่นทอนความมั่นคง

ในวันที่ 23 เมษายน 2523 จึงมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เรื่อง “นโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์” โดยเน้นการใช้การเมืองนำการทหาร เพื่อยุติสถานการณ์สงครามปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ และปฏิบัติต่อผู้เข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์ที่เข้ามามอบตัวอย่างประชาชนร่วมชาติ และช่วยเหลือให้ใช้ชีวิตใหม่ร่วมกันต่อไปในสังคมอย่างเหมาะสม

- เพื่อขจัดเหตุแห่งความไม่เป็นธรรมในสังคมทุกระดับ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในวงราชการ 

- กำหนดการปฏิบัติให้มีการประสานประโยชน์ระหว่างชนชั้น เสียสละผลประโยชน์ของชนชั้นเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

- ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกชนชั้นและสาขาอาชีพได้มีส่วนร่วมทางการเมือง

- ปฏิบัติต่อผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หรือผู้หลงผิดที่เข้ามอบตัว หรือที่จับได้อย่างเพื่อนประชาชนร่วมชาติ ชี้แจงเพื่อให้ได้เข้าใจถึงนโยบายของรัฐบาลในปัญหานี้อย่างถ่องแท้

- ขจัดการจัดตั้งและขยายแนวร่วมตามแนวทางการเมืองสนับสนุนป่า และการขัดขวางการสร้างสถานการณ์ปฏิวัติ

- การข่าว การจิตวิทยา ประชาสัมพันธ์ เป็นมาตรการอันสำคัญและให้ดำเนินการในลักษณะเชิงรุกอย่างมีแผนและสอดคล้องกับการปฏิบัติทุกขั้นตอน

(พิธีสวนสนาม  เพื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2524)

หลังจากนั้นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และมวลชนที่เข้าป่าไปจับปืนต่อสู้ทยอยเดินทางออกจากป่าในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ประเทศไทยจึงรอดพ้นจากการยึดครองของลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นการฉีกทฤษฎีโดมิโนทิ้งไปอย่างถาวร

เจ้าของโพสต์เองก็เกิดไม่ทันได้เห็นสิ่งที่ท่านทำ แต่ก็ตามหาอ่านจากหลายๆแหล่งและเรียบเรียงมาเขียนกระทู้นี้ ขอยกคำพูดของท่าน (จากเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา) มานะคะ

"เราเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน อธิบายได้ 2 แบบ คือ แบบสั้น คือ การทำความดี ไม่ทำความชั่ว เพื่อให้แผ่นดินมีความสงบ คนในแผ่นดินมีความสุข ส่วนแบบยาวคือ เมื่อทำความดีได้แล้ว ก็ต้องรักษาความดีให้อยู่ตลอดจนตัวตาย"