ลูกค้ารีสอร์ทสุดกร่าง 3 รุม 1 กระทืบพนักงาน เหตุแค่เพราะ “ไม่รู้จักว่าเป็นใคร

เฟซบุ๊กกลุ่มแจ้งข่าวสาธารณะของจ.นครสวรรค์ ได้มีการโพสต์คลิปกล้องวงจรปิดภายในบริเวณรีสอร์ทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เป็นคลิปภาพเหตุการณ์กลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน รุมทำร้ายพนักงานรีสอร์ท จนได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องเย็บแผลกว่า 10 เข็ม ซึ่งเหตุการณ์นี้ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความที่คลิปด้วยว่า “กร่างใหญ่ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้สาเหตุเพราะแค่ลูกน้องที่รีสอร์ท ไม่รู้จักคุณ (มารู้หลังเกิดเหตุว่าเค้าเป็น เจ้าของบ่อนไก่ ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย) เจอกันที่สภ.”

ต่อมาคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มโด่งดังแพร่หลาย เนื่องจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กและติดตามกลุ่มข่าวดังกล่าวต่างแห่แชร์คลิปกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีผู้มาแสดงความคิดเห็น ต่อว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ในทำนองต้องรู้จักด้วยหรือ ทำตัวกร่าง อยู่เหนือกฎหมายและใหญ่คับฟ้า จึงอยากให้ตำรวจจับกลุ่มกลุ่มชายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กที่โพสต์คลิป ทราบว่า คือนางพัทธนันท์ ไมลี่ย์ อายุ 39 ปี เป็นเจ้าของรีสอร์ทในพื้นที่ ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่า นางพัทธนันท์ ได้พา นายโอก้า อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา ที่พนักงานรีสอร์ทถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เมธี ถาวร พนักงานสอบสวน สภ.บรรพตพิสัย เพื่อเอาเรื่องกับกลุ่มชายที่มารุมทำร้ายคนงานจนได้รับบาดเจ็บที่คิ้วและปากต้องให้หมอทำการเย็บกว่า 10 เข็ม

จาการสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยนางพัทธนันท์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่ปรากฏอยู่ในคลิปนั้นได้โทรศัพท์มาจองห้องพักจำนวน 5 ห้อง ตั้งแต่ช่วงสายของวันที่เกิดเหตุ จนกระทั่งถึงเวลากลุ่มชายฉกรรณ์กลุ่มนี้ได้เดินทางมาขอกุญแจห้องพักที่จองไว้ จึงทำให้นายโอก้าพนักงานดูแล ได้เรียกเก็บค่าเช่าห้องก่อนจนทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวเกิดความไม่พอใจ ด่าทอนายโอก้าอย่างหยาบคาย โดยหาว่าไม่ให้เกียรติและไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของกลุ่มตน และใช้โอกาสที่นายโอก้าเผลอเข้าชกต่อยและรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บตามที่ปรากฏคลิปอยู่ในภาพ

“หลังจากเกิดเหตุพนักงานดูแลรีสอร์ทคนอื่นๆ ได้พานายโอก้าเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อนจะแจ้งเรื่องให้ตนทราบจึงเดินทางจากบ้านมาตรวจสอบที่รีสอร์ทซึ่งตนรู้สึกโมโหมากกับการกระทำของกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เข้ามาทำร้ายพนักงาน แถมกร่างอวดเบ่งความใหญ่โต เย้ยฟ้าท้าดินอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ตนจึงต้องการเอาเรื่องกับชายกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด จึงได้พานายโอก้าเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำนายโอก้า พร้อมกับนำภาพกล้องวงจรปิดหลักฐานที่ได้มารวบรวมอยู่ในสำนวนคดีก่อนจะมีการเรียกตัวชายฉกรรมณ์กลุ่มที่ถูกกล่าวหามาสอบปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รู้ชื่อผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้วแต่ทราบว่า ไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อนไก่ชนแต่อย่างใด โดนเป็นเพียงนักเลงพนันไก่ชนในพื้นที่เท่านั้น