Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageราคาทองคำ
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พ่อเผย 7 เหตุผลที่ไปยื่นใบลาออกจากโรงเรียนดังให้ลูก แม้สอบเข้ายาก!

โพสท์โดย Nong Ning

 ศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ผลพิรุฬห์  อาจารย์จากคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ออกมาเผย 7 เหตุผลที่ไปยื่นใบลาออกจากโรงเรียนดังให้ลูก แล้วให้มาเรียนโรงเรียนธรรมดาแถวบ้าน โดยระบุว่า 

"โรงเรียนที่ดี"

โรงเรียนที่ดีที่สุดสำหรับลูกของเราคือโรงเรียนอะไร? โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน โรงเรียนที่ถูกจัดอันดับในระดับต้นๆ มีเด็กโอลิมปิกวิชาการเกลื่อนโรงเรียน หรือโรงเรียนที่แสดงขึ้นบอร์ดหน้าโรงเรียนว่าเด็กจากโรงเรียนนี้สามารถเข้าหมอเข้าวิศวะหรือเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก

เมื่อวานนี้ ภรรยาของผมเพิ่งไปทำเรื่องการ "ลาออก" ของลูกสองคนจากโรงเรียนรัฐบาลไทยที่มีชื่อเสียงและมีคนอยากเข้ามากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย (ดังขนาดมีอัตราการสอบเข้า 1 ต่อ 30, ต้องกวดวิชาเข้าตั้งแต่อนุบาล, ถ้าอยากจ่ายแป๊ะเจี๊ะก็ 7 หลักขึ้นไป, จนเลยเถิดไปถึงมีบทสวดสำหรับพ่อแม่ต้องไปนั่งสวดหน้าประตูโรงเรียนเพื่อขอให้ลูกตัวเองสอบเข้าได้) แล้วมาเข้าเรียนโรงเรียนเล็กๆ แถวบ้าน (จากที่ต้องขับรถ 1.5 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที) แน่นอนว่าถ้ายังเรียนที่โรงเรียนมีชื่อนี้ต่อ ผมเชื่อว่าลูกของผมคงสามารถเข้าเรียนในคณะหรือในมหาวิทยาลัยดังๆ ได้อย่างไม่ยากนัก และเพราะเหตุใด ทางครอบครัวเราถึงตัดสินใจอะไรที่ดูบ้าๆ เช่นนี้

โรงเรียนดัง มีชื่อเสียง และออกจะเท่ห์หากบอกใครๆ ว่าลูกเราได้เรียนที่นี่ แต่ถ้าใครติดตามแนวคิดด้านการศึกษาของผมมาเรื่อยๆ น่าจะพอสรุปเหตุผลของการตัดสินใจของผมได้ว่า

1) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาที่ต้องมีการสอบ ไม่ว่าจะสอบย่อย สอบกลางภาค หรือสอบปลายภาค ถ้าจะมีก็ขอให้จัดแบบไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า โดยสอบเพื่อประเมินครูและประเมินโรงเรียนเป็นหลัก ไม่ใช่ประเมินเด็ก การสอบคือการทำร้ายเด็ก ทำให้เด็กรู้สึกถึงการแข่งขัน ทำให้เด็กต้องวิ่งลอกไปกวดวิชา ทำให้เด็กรักตัวเองมากกว่าจะรักส่วนรวมและสังคม (อาจจะจำได้ว่าผมเคยเขียนเรื่องเด็กโดดทำเวรเพื่อหนีไปกวดวิชามาแล้ว)

  2) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาที่จะสั่งการบ้าน หรือโครงการอะไรมาทำนอกห้องเรียน ผมคิดว่างานทุกอย่างควรเสร็จตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียน เวลาหลังเลิกเรียน วันหยุด หรือช่วงปิดเทอม ควรเป็นเวลาที่เด็กได้ทำในสิ่งที่เขารักหรือมี passion กับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะดนตรี กีฬา ศิลปะ ทำงานเสริม เข้าวัดนั่งสมาธิ หรือนอนเล่นๆ อยู่บ้านก็ได้ การมีการบ้านมากมายเป็นอุปสรรคสำคัญที่เด็กไม่สามารถทำกิจกรรมที่เขาอยากทำนอกโรงเรียนได้ และสุดท้ายเด็กก็ไม่ประสบความสำเร็จใน passion ของตน เพราะมัวแต่ต้องไปเสียเวลาทำการบ้าน (และสอบ)

  3) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาที่ต้องมีการกวดวิชา การกวดวิชาอาจจะทำให้ลูกของผมเป็นที่หนึ่งของห้อง ได้เกรด 4.0 หรืออาจสามารถไปสอบเข้าโรงเรียนดังๆ ในระดับสูงขึ้นต่อได้ แต่ความสำเร็จ "ระยะสั้น" เหล่านี้มันไม่คุ้มค่ากับต้นทุน "ความเครียด" ที่ลูกผมจะได้รับเอาเสียเลย ใครจะไปรู้ว่าถ้าเครียดมากๆ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นบ่อเกิดไปสู่ "การฆ่าตัวตาย" ที่เราเห็นจากข่าวต่างๆ ที่ผ่านมาเมื่อเด็กกวดวิชาเหล่านั้นต้องโตเป็นวัยรุ่น (หรือเข้ามหาวิทยาลัย) ก็ได้ หรือต่อให้ไม่เกิดขึ้น แต่เท่าที่สังเกตุเป็นการส่วนตัว ผมเห็นว่าเด็กที่กวดวิชาโดยส่วนใหญ่จะมีบุคคลิกภาพที่ออกมาไม่ Smart เท่าเด็กที่ไม่ต้องกวดและได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวให้ได้ทำตาม Passion ของตัวเอง (ไม่เชื่อลองสังเกตุกันดูได้)

4) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาที่เน้นวัดความเก่งของคนแบบ "การตัดเสื้อตัวเดียวให้ใส่ทุกคน (One Size Fit All)" อย่างเช่นการวัดที่การเขียนในกระดาษคำตอบบนโต๊ะสอบ แล้วครูเอามาตรวจและประกาศให้ทราบกันหน้าชั้น แต่ผมชอบว่าวัดความสามารถแบบการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะสอบกระโดษเชือกในวิชาพละ ถ้านาย ก กระโดดเก่งอยู่แล้ว และนาย ข ยังกระโดดไม่เป็น ผมอยากเห็นระบบการศึกษาที่กำหนดให้นาย ก ต้องไปช่วยนาย ข ให้กระโดดให้ได้ มากกว่าที่จะวัดต่างคนต่างกระโดด การให้กำลังใจกัน การช่วยเหลือกัน การทำงานเป็นทีม เป็นสิ่งที่เราควรให้รางวัลกับสิ่งนั้นมากกว่าการเก่งเฉพาะบุคคล เพราะมันเป็นทักษะของผู้ใหญ่ที่ประเทศชาติต้องการมากกว่าคนเก่งที่เห็นแก่ตัว

 5) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาที่พอโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เรากลับไปเพิ่ม เพิ่ม เพิ่ม วิชาใหม่ๆ เข้ามา แต่ไม่ไปลดวิชาเก่าที่ล้าสมัยไปแล้ว (ด้วยเหตุผลที่ว่า เราต้องช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมและของเก่าเอาไว้) ยกตัวอย่างเช่น พอประเทศจีนเริ่มพัฒนา โรงเรียนก็ใส่วิชาภาษาจีนเข้ามา (แต่ไม่ได้ไปลดวิชาภาษาไทย) หรือเมื่อโลกเข้าสู่ยุค 4.0 โรงเรียนก็ไปใส่วิชา Coding เข้ามา (แต่ยังคงต้องคัดไทยเหมือนเดิม) วิชาหลายวิชาที่เรียนในโรงเรียนในปัจจุบันจำเป็นเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว แต่มันไม่จำเป็นกับโลกอนาคต การศึกษาต้องสอนเด็กให้เป็น "ประชากรโลก (Global Citizen) ไม่ใช่ Old-School Local Citizen

  6) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาแบบ ท่อง ท่อง ท่อง (และมาสอบกับสิ่งที่ท่องมา) การศึกษาควรบูรณาการทุกวิชาเข้าร่วมกันได้ในลักษณะของ Project Based หรือ Problem Based Learning เช่น การให้เด็กเข้าไปดูปัญหาของชุมชนรอบๆ โรงเรียน และกำหนดให้เด็กทำโครงการที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาชุมชนให้ได้ ซึ่งโครงการเหล่านั้นอาจต้องใช้ทั้งวิชา สังคมศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ พละศึกษา และอื่นๆ ซึ่งเด็กนอกจากจะได้ความรู้ในการบูรณาการศาสตร์ต่างๆ แล้ว เด็กยังได้ความมีจิตสาธารณะเพิ่มเติมด้วย การสอนท่องๆๆ แล้วสอบกับการสอนให้คนประยุกต์และออกมาเป็นคนดี อันไหนจะดีกว่ากัน

 7) ผมไม่เห็นด้วยกับระบบการศึกษาที่ "ไม่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของเด็ก" (ตรงกันข้าม สิ่งต่างๆ ข้างต้นกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโต) ช่วงเวลาเด็กประถมศึกษาอยู่ในช่วงของการสร้างสมองและร่างกายให้แข็งแรงและสูงใหญ่ ดังนั้น "การนอนและการกิน" มากๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โรงเรียนที่เด็กไม่ต้องตื่นเช้ามาก ไม่ต้องเสียเวลานานกับการเดินทาง จึงเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด ยกตัวอย่างของประเทศจีนให้ความสำคัญในเรื่องส่วนสูงของเด็กนมากๆ โรงเรียนในกรุงปักกิ่งจะกำหนดความสูงขั้นต่ำของเด็กผู้ชายวัยรุ่นไว้ที่ 182 ซม และของผู้หญิงวัยรุ่นไว้ที่ 174 ดังนั้นถ้ามามัวแต่เรียนหัวโตอย่างเดียว เด็กเหล่านี้ก็จะไม่สามารถสูงใหญ่ได้ตามที่กำหนดไว้ ดังนั้นผมจึงอยากเห็นโรงเรียนที่ "บังคับ" ให้เด็กจะต้องวิ่งเล่นที่สนามให้มากๆ แทนที่จะมานั่งในห้องเรียน ดังนั้นวิชาที่สำคัญมากๆ ก็คือวิชาพละศึกษา ที่โรงเรียนควรต้องมีวิชานี้ทุกวัน (หรือถ้าไม่มีต้องมีช่วงเวลาพักให้เด็กได้วิ่งเล่นมากๆ)

โดยสรุป โรงเรียนที่ดีสำหรับผมก็คือ "โรงเรียนที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละครอบครัว" สำหรับครอบครัวของผม โรงเรียนที่เหมาะสมคือ ไม่ใช่เรื่องของชื่อเสียง แต่ต้องใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางนาน ลูกมีเวลานอนและมีเวลากินข้าวเช้าแบบไม่เร่งรีบ ไม่ต้องมีการบ้านหรือมีการสอบ (หรือมีให้น้อยที่สุด) เรียนกันแบบช่วยเหลือกันมากกว่าการแข่งขันกัน (แน่นอนว่าไม่ใช่ระบบ Home School) ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งการกวดวิชา (เพราะไม่มีสอบ จะกวดไปทำไม) เน้นพัฒนาทักษะชีวิต (เพราะเป็นทักษะที่สำคัญที่สุด) สร้างระบบที่สอนให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของเด็กเป็นสำคัญ

แต่ทั้งนี้ โรงเรียนที่ดีของแต่ละบ้านก็คงไม่เหมือนกัน แต่เป็นสิ่งที่พ่อแม่และลูกต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกันว่า "ครอบครัวเราจะไปในแนวทางไหน (สายชิลล์หรือสายกวด)"

จากความคิดเห็น 

มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

      สำหรับเรื่องนี้ก็นับว่เป็นเหตุผลที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ทั้งนี้ก็เป็นเหตุผลและขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของพ่อแม่นะคะ 

โพสท์โดย: NANOZ
แหล่งที่มา: http://kaijeaw.in.th/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Nong Ning's profile


โพสท์โดย: Nong Ning
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: zerotype, Endymion
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"เจ็ท ลี" ป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล!!ไวรัลวันพระ เปิดภาพมัดรวมพระสายปฏิบัติ 16 รูป ศรัทธาล้นโซเชียล⁉️"งูพิษ" จะลอยน้ำได้จริงหรือไม่?🐍 ไขความเชื่อโบราณกับข้อเท็จจริงทหารเขมรฝึกหลักสูตรจู่โจมพรางตัว ด้วยพุ่มไม้เขียวสด กลางทุ่งหญ้าโล่งเตียนที่แห้งตาย ชาวเน็ตไทยอดขำไม่ไหวจริงๆ"ลิซ่า" สร้างความฮือฮาที่ลอนดอน..ใส่ชุดลาบูบู้สีชมพูในคอนเสิร์ตเวิร์ลทัวร์ Deadlineหลักเขตแดน SIAM เขมรบอก SIAM ไม่ใช่ THAI ทั้งที่ทั่วโลกเขาเรียกไทว่าสยามสะเทือนใจ! คดี “ซาร่า” เด็กหญิง 13 ถูกเพื่อนจับยัดเครื่องซักผ้าเสียชีวิตกัมพูชา พบโบราณวัตถุคล้าย “โกลเด้นบอย” นักวิชาการไทยโพสท์ “ของเทียมทำมือ”ดีเกินคาด!ตลาดอั้มคนแน่นยังกับแจกฟรีเลขเด็ด "ทักษามหาโชค" งวดวันที่ 1 กันยายน 68..ส่องเลย เลขไหนมาแรง!ซื้อรถมือสอง ได้ของแถมสุดช๊อค ยาบ้าซ่อนอยู่หลักแสนเม็ดทหารกัมพูชาจับคนไทยลักลอบข้ามแดน 5 ราย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นายกทั้งคนหายกลางทะเล ปริศนาแฮโรลด์ โฮลต์ ที่ออสซี่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ทหารกัมพูชาจับคนไทยลักลอบข้ามแดน 5 ราย"ลิซ่า" สร้างความฮือฮาที่ลอนดอน..ใส่ชุดลาบูบู้สีชมพูในคอนเสิร์ตเวิร์ลทัวร์ Deadlineดีเกินคาด!ตลาดอั้มคนแน่นยังกับแจกฟรีกัมพูชา พบโบราณวัตถุคล้าย “โกลเด้นบอย” นักวิชาการไทยโพสท์ “ของเทียมทำมือ”
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ความจริงกับการใส่ความ: กรณีทหารกัมพูชาถูกกล่าวหาว่าได้รับสารเคมีจากฝ่ายไทย แต่แท้จริงคือโรคมาลาเรียจับได้คาหนังคาเขา ทหารเขมรวางทุ่นระเบิด-รื้อรั้วลวดหนามไทย งานนี้หลักฐานแน่นหนีไม่รอดทหารกัมพูชาจับคนไทยลักลอบข้ามแดน 5 รายเขมรประท้วงให้ทหารไทยเอารั้วลวดหนามออก
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน LinePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageราคาทองคำ
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง