เจอของจริง กรมขนส่งดีเดย์ 1ก.ค.นี้มีมาตรการใหม่บังคับจ่ายค่าปรับ
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนคบาล(รองผบช.น.) ดูแลงานจราจร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) กรมทางหลวง (ทล.)และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ในที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าในการเชื่อมระบบอายัดการชำระภาษีประจำชั่วคราวในกรณีที่ประชาชนยังมีการค้างชำระค่าปรับในข้อหาที่กระทำความเกี่ยวกับกฎหมายจราจร โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และกรมการขนส่งทางบกได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ขณะนี้ระบบได้ทำการเชื่อมต่อกันเสร็จแล้วแต่ยังมีบางกรณีที่ต้องหารือกันระหว่างสองหน่วยงานดังนั้นจากการประชุมล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา จึงตกลงกันว่าจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลแบบระบบออฟไลน์ก่อนเพื่อดำเนินการอายัดการชำระภาษีเป็นการชั่วคราวสำหรับผู้ที่ยังมีใบสั่งค้างจ่าย โดยนายสราวุธ ทรงศิวิไร ผอ.สนข.ได้สั่งการในที่ประชุมว่าให้สตช.และขบ.ดำเนินการในขั้นตอนต่างๆให้เสร็จสิ้นและให้เริ่มดำเนินการอายัดการชำระภาษีชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 นี้เป็นต้นไป และให้เริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อนล่วงหน้าในเดือนมิ.ย.นี้ตลอดทั้งเดือนว่าเจ้าหน้าที่สามารถตรวจเช็คการค้างชำระค่าปรับจะเริ่มใช้ระบบการอายัดชำระภาษีสำหรับกรณีที่ค้างจ่ายค่าปรับ รวมทั้งหากประชาชนมีความประสงค์จะจ่ายค่าปรับที่สำนักงานขนส่งฯ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นกันเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันก่อนที่บังคับใช้วันวันที่ 1 กรกฎาคม 2562นี้
ด้านพ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมายจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) กล่าวว่า สำหรับการเชื่อมต่อระบบแบบออฟไลน์นั้นจะดำเนินการดังนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ขนส่งทางบกรับชำระค่าปรับกับผู้ที่มีใบสั่งค้างจ่ายแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว จะเก็บข้อมูลเป็นรายสัปดาห์ ก่อนที่จะนำส่งแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)พร้อมเงินค่าปรับ ซึ่งการทำงานจะไม่ใช้แบบเรียลไทม์เหมือนระบบออนไลน์ ด้านการปฏิเสธใบสั่งในกรณีที่ประชาชนเห็นว่าตนเองไม่ได้กระทำความผิดนั้น ทางสตช.จะทำแบบฟอร์มและนำไปวางที่กรมขนส่งฯทั่งประเทศเพื่อให้ประชาชนได้ดำเนินการเขียนคำร้องและส่งไปรษณีย์แบบตอบกลับไปยังสถานีตำรวจที่ออกใบสั่งตามที่กฎหมายพร้อมทั้งทำการแนบหลักฐาน อาทิเช่น สำเนาใบสั่ง รูปถ่ายรถ และเล่มทะเบียนเพื่อยืนยันความบริสุทธิและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทะเบียน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะมีการสวมป้ายทะเบียนก็สามารถนำหลักฐานมาชี้แจงได้ โดยกรณีต้องการตรวจสอบว่าตนเองไม่ได้ขับขี่ผิดกฎหมายตามใบสั่งนี้ ประชาชนสามารถชำระภาษีประจำปีไปก่อน โดยทางเจ้าหน้าที่ของกรมขนส่งฯจะออกสำเนาเอกสารสำหรับการใช้แทนป้ายวงกลมเป็นการชั่วคราว 30 วันหลัง จากนั้นเมื่อไปตรวจสอบและทำการชำระค่าปรับที่โรงพักที่ออกใบสั่งแล้ว ก็ให้นำหลักฐานการชำระค่าปรับกลับมาขอรับป้ายภาษีตัวจริงอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึงการเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลใบสั่งค้างจ่ายได้ก่อนที่จะเดินทางมาชำระต่อภาษีประจำปีซึ่งในขณะนี้สตช.และธนาคารกรุงไทยอยู่ระหว่างการจัดทำเว็ปไซต์เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ก่อนซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 นี้เช่นกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า จากข้อมูลสถิติการออกใบสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งประเทศ ตั้งแต่ 1 มกราคม 62 จนถึงปัจจุบัน มีการออกใบสั่งจราจรรวม 6,259,727 ใบ เป็นใบสั่งที่จัดส่งทางไปรษณีย์ หรือจับโดยกล้อง รวม 5,386,986 ใบ ใบสั่งที่เจ้าหน้าที่เขียน 872,741 ใบ โดยมีผู้มาชำระค่าปรับทั้งหมดเพียง 887,392 ราย คิดเป็นร้อยละ 16.52 เท่านั้น ยังไม่มาชำระค่าปรับจราจรอีกกว่า 5,372,335 ราย โดยแบ่งเป็นค้างค่าปรับใบสั่งที่จัดส่งทางไปรษณีย์ 4,557,986 ใบ และใบสั่งที่เจ้าหน้าที่เขียน 814,349 ใบ.
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
มิสยูนิเวิร์สลาว ‘รัตนา มั่นวิไล’ ได้ใจคนไทยเต็มๆ ติดโบว์ดำไว้อาลัยพระพันปีหลวงทุกครั้งบนเวทีโลก
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้
เสร็จสมบูรณ์แล้วญาญ่า บ้านเขาใหญ่ อลังการสวยงามตามากๆ
"โก๊ะตี๋-ใบมิ้นต์" โชว์หวานรอบใหม่
เด็กเกาหลีจุดไฟเผาบ้านหลังพ่อแม่ไม่ซื้อมือถือให้
อดีตนายกแพทองธาร นำพวงมาลัยดอกมะลิกราบบิดาหลังพึ่งผ่าน วันเกิดมารดา





