ชีวิตหลังสละราชบัลลังก์ ของจักรพรรดิ-จักรพรรดินีญี่ปุ่น ใช้ชีวิตเรียบง่าย
นับเป็นเวลาร่วม 30 ปีแล้วที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์เบญจมาศ ด้วยพระชนมายุที่มากขึ้น บวกกับพระพลานามัยที่อ่อนแอลง โดยเคยทรงผ่านการผ่าตัดพระหทัยและการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากมาแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุให้พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องการสละราชสมบัติครั้งแรกในช่วงกลางปี 2559 และรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีมติผ่านร่างกฎหมายพิเศษเพื่อรับรองการสละราชสมบัติของพระองค์ โดยจะมีพิธีสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 เมษายน 2562 จากนั้นเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารจะขึ้นทรงราชย์ทันทีในวันที่ 1 พฤษภาคม 2562
เกี่ยวกับเรื่องสละราชสมบัตินี้ สมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะทรงมีลายพระอักษรเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา(20 ตุลาคม 2559) ว่าพระองค์ทรงทราบว่าพระจักรพรรดิได้ทรงหารือกับพระราชโอรสทั้งสอง คือ มกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ และเจ้าชายอากิชิโนะแล้ว
แต่ถึงกระนั้น เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นคำว่า สละราชย์ทั้งยังมีพระชนม์ชีพ บนหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ทำให้รู้สึกตกใจ ซึ่งคงจะเป็นเพราะว่าข้าพเจ้าไม่เคยเห็นถ้อยคำเช่นนี้แม้แต่ในหนังสือประวัติศาสตร์ และใน 1-2 วินาทีแรกนั้นข้าพเจ้าทั้งตกตะลึงและเจ็บปวด บางทีข้าพเจ้าอาจจะอ่อนไหวมากไปก็ได้
แน่นอนว่าความตกพระทัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีเป็นแค่ความไม่ทรงคุ้นต่อวิธีการใช้ถ้อยคำของสื่อฯ ที่มีธรรมเนียมว่าต้องใช้ภาษาทางการเมื่ออ้างอิงถึงสถาบันพระจักรพรรดิ เพราะถ้าพิจารณาในแง่ว่าพระองค์กับพระราชสวามีจะทรงมีเวลาส่วนพระองค์มากขึ้น จะทรงสามารถเข้าครัวปรุงอาหาร หรือเล่นเปียโนคู่กับพระราชสวามีที่โปรดการทรงเชลโล
กับเมื่อเวลาผ่านไปอีกสักหน่อยอาจจะสามารถเสด็จฯเข้าไปในร้านหนังสือมือสอง หรือไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ โดยไม่ต้องใช้ผ้าคลุมล่องหนอย่างที่พระองค์เคยทรงอยากเป็นเจ้าของตอนที่อ่านวรรณกรรมเรื่อง Harry Potter ยังไม่นับรวมกับที่ทุกๆ เช้าทั้งสองพระองค์ทรงจับจูงกันไปเดินเล่นในสวน ภายในพระราชวัง ทรงชี้ชวนกันดูสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนผันไปตามฤดูกาล และบางสุดสัปดาห์ก็จะทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถด้วยการทรงฉลองพระองค์ชุดเทนนิสเพื่อลงสนามเล่นกีฬาโปรด กีฬาที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นแห่งรัก
กว่า 60 ปีนับตั้งแต่วันที่ทั้งสองพระองค์ทรงพบกันครั้งแรก กับข้อเท็จจริงที่ว่าความรักแสนยิ่งใหญ่ระหว่างสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่นคือสิ่งยืนยง ไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา ภาพที่ทั้งสองพระองค์ทรงเคียงข้างกัน จับจูงกันไปไหนมาไหนกันตลอดเวลาคือความงดงามที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นี่คือเทพนิยายภาพงดงามที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคปัจจุบัน























