สาธารณสุข ออกมาตรการจำกัดความเร็วรถพยาบาล ไม่เกิน 80 กม./ชม.
สาธารณสุข ออกมาตรการจำกัดความเร็วรถพยาบาล ไม่เกิน 80 กม./ชม.
สธ.แจงปมจำกัดความเร็วรถพยาบาล 80 กม./ชม. พบ 4 ปี อุบัติเหตุรถฉุกเฉิน 110 ครั้ง บุคลากรเสียชีวิต-บาดเจ็บ 318 คน ยืนยันระบบรถส่งต่อผู้ป่วย อุปกรณ์พร้อม ไม่ต้องขับเร็ว ระบุ รถมูลนิธิขับเร็ว
กรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาตรการจำกัดความเร็วของรถพยาบาล ไม่เกิน 80 กม./ชม. หรือไม่เกินที่กฎหมายกำหนด ผู้โดยสารรวมพนักงานขับไม่เกิน 7 คน ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย และห้ามทำหัตถการขณะรถเคลื่อนที่ ทุกคันต้องติดอุปกรณ์ GPS และกล้องวงจรปิด พร้อมห้ามขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดงทุกกรณี กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะข้อกังวลเรื่องส่งผู้ป่วยล่าช้า อาจทำให้ไม่ทันการในการรักษา
เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่า หลักการส่งต่อระหว่างสถานพยาบาลนั้น คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วย และมาตรฐานในการรักษาพยาบาลเป็นสำคัญ แพทย์เจ้าของไข้จะทำการประเมินแล้วว่า ผู้ป่วยมีสัญญาณชีพคงที่ ไม่อยู่ในภาวะวิกฤต คาดว่าจะไม่ทรุดลงรุนแรงขณะนำส่งถึงโรงพยาบาลปลายทาง และการเปิดไซเรนหรือไฟฉุกเฉินเป็นการแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบว่าภายในรถมีผู้ป่วย
รถพยาบาลยังคงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจราจรทางบก และใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด หากใช้ความเร็วสูงแรงปะทะขณะเกิดอุบัติเหตุจะรุนแรง ทำให้เกิดโอกาสการเสียชีวิตได้มาก
นพ.ประพนธ์ กล่าวว่า สำหรับการให้หยุดรถพยาบาลในจุดที่ปลอดภัยเพื่อทำหัตถการนั้น เนื่องจากการทำหัตถการขณะรถวิ่ง พยาบาลและเจ้าหน้าที่จะต้องปลดเข็มขัดนิรภัยมาทำหัตถการ ทำให้บุคลากรของเราอยู่ในความเสี่ยง จึงมีนโยบายให้รถพยาบาลทุกที่นั่งติดตั้งเข็มขัดนิรภัย
นพ.ประพนธ์ กล่าวว่า ข้อมูลรถพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ขณะปฏิบัติการนำส่งผู้ป่วยที่เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน ว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง พบว่าส่วนใหญ่สาเหตุมาจากการขับรถเร็ว ฝ่าสัญญาณไฟจราจร ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
ทั้งนี้ ข้อมูลในปี 2559-2562 พบว่า เกิดอุบัติเหตุกับรถพยาบาล 110 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 318 คน เป็นพยาบาลและบุคลากรในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 129 คน เสียชีวิต 4 คน พิการ 2 คน ผู้ป่วยบาดเจ็บ 58 คน เสียชีวิต 3 คน คู่กรณีเสียชีวิต 14 คน ส่วนใหญ่เกิดขณะส่งต่อผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลถึงร้อยละ 80
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุรถพยาบาลและความคุ้มครองอุบัติเหตุทางถนน ปีงบประมาณ พ.ศ.2562 เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนี้่ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้โรงพยาบาลทุกแห่งต้องทำประกันภัยรถพยาบาล ชั้น 1 ภาคสมัครใจ และเพิ่มวงเงินประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสาร หากเสียชีวิตหรือทุพลภาพถาวร เป็นคนละ 2,000,000 บาท เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งประกันภัยแบบเดิมคุ้มครองผู้โดยสารเพียง 5 ที่นั่ง คนละ 1,000,000 บาท
นพ.วิทูรย์ อนันกุล ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) กล่าวว่า การไปช่วยเหลือผู้ป่วยในที่เกิดเหตุจะมีศูนย์สั่งการโดยพิจารณาว่าเหตุที่เกิดขึ้นต้องใช้รถฉุกเฉินระดับใดไปรับตัวผู้ป่วย แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1.รถฉุกเฉินขั้นสูง (ALS) ที่มีแพทย์ พยาบาล ประจำ และอุปกรณ์พร้อม
2.รถฉุกเฉินขั้นพื้นฐาน (BLS) มีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ในการกู้ชีพไปด้วย
และ 3.รถกระบะ ที่มูลนิธิต่างๆ (FR) ซึ่งจะมีการควบคุมเวลาว่าจะต้องไปให้ถึงที่เกิดเหตุใน 8 นาที
“รถที่มีแพทย์เจ้าหน้าที่ออกไปด้วยไม่มีความจำเป็นต้องขับเร็ว เพราะมีการทำระบบห้องฉุกเฉินไปกับรถอยู่แล้ว จึงมีการช่วยเหลือและดูแลผู้ป่วยตั้งแต่ไปถึงจุดเกิดเหตุ”
ส่วนกรณีที่มีการขับเร็วส่วนใหญ่จะเป็นรถของมูลนิธิต่างๆ ที่ผ่านมาได้มีการอบรมเจ้าหน้าที่มูลนิธิให้มีความรู้เบื้องต้นในการปฐมพยาบาล และหากประเมินอาการคนไข้แล้วจำเป็นต้องใช้รถพยาบาลขั้นสูง ก็จะให้เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลและรอ แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่รอ นำคนไข้ขึ้นรถไปเลย
“เจ้าหน้าที่บางส่วนที่ไม่ได้รับการอบรมจะรีบนำคนไข้ขึ้นรถทันทีโดยไม่มีการปฐมพยาบาลทำให้เกิดความรู้สึกว่าต้องรีบ แต่หากดูแลคนไข้เบื้องต้น ตั้งแต่จุดเกิดเหตุและระหว่างนำส่ง ก็ไม่ต้องขับรถเร็ว”
เมื่อมีการดูแลตั้งแต่ที่เกิดเหตุแล้ว การขับรถเร็วนั้นไม่จำเป็น ซึ่งการขับเกิน 80 กม./ชม.และฝ่าไฟแดง ล้วนเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น การรีบและต้องการถึงให้เร็วขึ้น 5-10 นาที ไม่มีผลต่อชีวิตของคนไข้ ถ้ามีการดูแลเหมาะสมตั้งแต่แรก
แหล่งที่มา: https://variety.thaiza.com
วิธีสังเกตภาพ AI ที่บางคนยังไม่รู้
"หมอสุภัทร" เผย "Rain Bomb" เขาคอหงส์ คือจุดเริ่มต้นของน้ำท่วมหาดใหญ่
ราชกิจจาฯ เผยแพร่ คำสั่งศาลให้ นักแสดงรุ่นใหญ่ “มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช” ผู้จัดดัง เป็นคนไร้ความสามารถ
ดูดวงเดือนธันวาคม ปี2568 ครบทั้ง 12 ราศี
ส่อแววแตกหัก นานา เอาคืนอันฟอลพอลล่า เทอเลอร์ จับตาอันฟอล มีเพื่อนในแก๊ง เพิ่มหรือไม่
ช็อควงการบันเทิง คู่รักต่างวัย ดีเจเพชรจ้า กับแฟนสาวรุ่นน้อง น้องเนปจูน เลือกเติบโตคนละเส้นทางเหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆ
ไทยจะสงบเมื่อไหร่ หมด"ฮุน เซน" ก็ยังมี "สม รังสี"
หาดใหญ่วิกฤตหนัก ทหารต้องลุยน้ำ 3 เมตร ผู้ว่าฯ สั่งอพยพคนทั้งเมือง ให้เสร็จ ในเวลา 16.00
รีวิว The Conjuring Last Rites เดอะคอนเจอริ่ง คนเรียกผี พิธีกรรมครั้งสุดท้าย
ญี่ปุ่นเริ่มหนักใจแรงงานกัมพูชา หลังเกิดคดีขโมยโลหะครั้งใหญ่ – เสียงต้านแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อดีตนายกแพทองธาร นำพวงมาลัยดอกมะลิกราบบิดาหลังพึ่งผ่าน วันเกิดมารดา
ดูดวงเดือนธันวาคม ปี2568 ครบทั้ง 12 ราศี



