"ชาคริต" สอนลูกติดดิน พา "น้องโพธิ์" ลุยสวน 3 วัน เรียนรู้ความลำบากตั้งแต่เล็ก

เป็นอีกหนึ่งครอบครัวคนบันเทิงที่ไม่ว่าใครก็ต้องตกหลุมรัก สำหรับครอบครัวของนักแสดงหนุ่มหล่อ ชาคริต แย้มนาม และภรรยาสาว แอน ภัททิรา กับลูกชายตัวน้อยที่กำลังจะอายุครบ 1 ขวบ ในอีกไม่กี่วันนี้ อย่าง น้องโพธิ์

และด้วยความที่เป็นครอบครัวคนดัง แต่กลับใช้ชีวิตเรียบง่ายติดดิน จึงทำให้ใครหลายคนพากันตกหลุมรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอได้มารวมกับความน่ารักสดใสของน้องโพธิ์ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้หลายๆ โมเมนต์ที่ถูกแชร์ในโลกโซเชียลของครอบครัวนี้ กลายเป็นภาพน่ารักน่าจดจำในหมู่ของแฟนคลับไปโดยปริยาย

แถมล่าสุดคุณแม่คนเก่ง แอน ภัททิรา ก็ยังได้โพสต์ภาพถ่ายและคลิปวีดีโอ ขณะที่เธอและสามีกระเตงลูกชายตัวน้อยไปเยี่ยมชมสวน หรือที่เรียกว่า อาณาจักรพี่โพธิ์ เป็นครั้งแรก ที่ถึงแม้จะแดดร้อนและอากาศจะอบอ้าวขนาดไหน น้องโพธิ์ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะงอแง แถมยังดูตื่นตาตื่นใจกับบรรดาต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่รอบๆ บริเวณไม่แพ้กับคุณพ่อคุณแม่เลยด้วย

“พี่โพธิ์ไม่ได้มาเล่นๆ เด็กน้อยลุยกับพ่อแม่ 5 วันเต็มๆ ในทุกๆ ที่ ถึงจะร้อน จะเหนื่อย หันมาเจอหน้าพี่เขาละหายเลย พี่โพธิ์ชอบต้นไม้มากๆ อาณาจักรพี่โพธิ์ยิ่งใหญ่นัก เด็กน้อยแข็งแรง ลุยขนาดนี้ กลับถึง กทม. โดยปลอดภัย ไม่เจ็บไม่ป่วย เลยครับผม คลิปสุดท้าย รถเข็นเขาดีจริง ลุยจริง”

“ตั้งใจว่าอีกไม่นาน จะให้ทุกคนได้มาเยือนด้วยความภาคภูมิใจ มือใหม่หัดทำสวน ร้อนสุดๆไปเลยพี่” นานๆ จะมีเวลามารับอีเวนต์กับเขาสักที สำหรับคุณพ่อลูกอ่อน ชาคริต แย้มนาม ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้โผล่มาร่วมงาน BAM บ้านสวนสุขใจ กับ สมุนไพรในบ้านเรา ในลุคชิลๆ ตามสไตล์ ก่อนจะออกมาเผยถึงพัฒนาการลูกชายตัวน้อย น้องโพธิ์ ซึ่งกำลังจะอายุครบ 1 ขวบ ในช่วงสิ้นเดือนเมษายนนี้

โดยเจ้าตัวได้เผยว่าตอนนี้น้องโพธิ์มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มพูดเริ่มเจรจาเป็นคำๆ มากขึ้น ซึ่งก็ต้องขอบคุณภรรยา แอน ภัททิรา ที่ช่วยดูแลลูกชายเป็นอย่างดี รวมถึงเป็นตัวแทนในการพาลูกชายเข้าไปเยี่ยมและดูแลคุณแม่ที่กำลังป่วย พร้อมกับบอกว่าตนเองรู้สึกโชคดีมากที่ได้สาวแอนเป็นคู่ชีวิต

“ตอนนี้สุดซนเลยครับ ใกล้จะ 1 ขวบแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ ซึ่งพัฒนาการของเขาผมต้องบอกเลยครับว่าเร็วมาก ไม่รู้จะรีบไปไหน ทุกวันนี้ก็พยายามบอกเขาว่า ‘ค่อยๆ ก็ได้ไม่ต้องรีบ’ เพราะดูเหมือนเขาจะรีบเหลือเกิน (หัวเราะ) ซึ่งตามแพลนของบ้านเราพออายุเขาครบ 1 ขวบ ผมก็จะรับหน้าที่ในการทำอาหารให้เขาทานอย่างจริงจัง ก็คิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะสามารถนำเมนูอาหารของเขามาแชร์เป็นไอเดียให้กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ ได้ครับ”

พัฒนาการของน้องดีขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ เขาเริ่มฉายแววด้านความสนใจบ้างหรือยัง ?
“เขาก็ชอบว่ายน้ำครับ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาได้ปลดปล่อยพลัง เพราะเขาเป็นเด็กที่พลังเยอะมากจริงๆ เราเลยจำเป็นต้องให้เขาได้ออกกำลังจนง่วง เพราะถ้าเขาตื่นเขาก็จะไม่มีทางหยุดอยู่นิ่งๆ ได้เลยจนกว่าจะเข้านอน เป็นเด็กที่พละกำลังเหลือเฟือมากครับ”

เรื่องการพูดการจาเริ่มมีให้คุณพ่อคุณแม่ได้ยินบ้างหรือยัง ?
“มีหลุดมาบ้างแล้วครับ อย่างเช่น เยส, แดดดี้, ไปไปไป คือมีคำหลุดออกมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งครอบครัวเราก็พยายามฝึกให้เขาพูดได้ทั้ง 2 ภาษาตั้งแต่ยังเด็ก แม้จะพูดช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร อย่าพูดเยอะเลยตอนนี้เดี๋ยวถามเยอะแล้วพ่อจะเหนื่อย (หัวเราะ)”

เห็นภรรยาก็แซวตลอดว่าเราติดลูก ?
“ก็ชอบครับ เพราะเวลาเราน้อยกว่าเขา ดังนั้นเวลาที่เราได้เจอเราก็ต้องอยู่กับเขาให้เต็มที่ที่สุด จริงๆ เดี๋ยวนี้ระบบความคิดของผมก็เปลี่ยนด้วยนะ ผมคิดเสมอว่าถ้าหากในอนาคตเขาโตขึ้น แล้วสุขภาพร่างกายของผมตอนนั้นจะเป็นยังไง มันเหมือนผมต้องแพลนอนาคตให้ไกลขึ้น เพราะผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว”

ทางด้านของคุณย่าล่ะ ท่านเห่อหลานชายด้วยหรือเปล่า ?
“ถึงแม้ว่าคุณแม่จะป่วยหนัก แต่สติสัมปชัญญะของท่านและการรับรู้ต่างๆ ของท่านก็ยังอยู่ครบ ซึ่งท่านรักหลานคนนี้มาก แถมสองคนนี้ยังมีหลายๆ อย่างคล้ายกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชอบความอิสระ ความคล่องแคล่วต่างๆ”

อาการป่วยที่ท่านเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยใช่ไหมตั้งแต่มีน้องโพธิ์เข้ามาเติมเต็มครอบครัว ?
“ดีขึ้นครับ ดีขึ้น ท่านตอบรับมากขึ้น มีความคิดถึงมาเสมอ หรือตอนที่ผมบอกกับท่านว่า ‘ถ้าทำเป็นเสร็จแล้วเรากลับมาอยู่ด้วยกันนะ’ ท่านก็น้ำตาคลอ เพียงแต่ ณ ตอนนี้เราก็ต้องให้ท่านอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญไปก่อน เพราะด้วยวัยและสุขภาพของท่าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วถ้าบ้านตรงนี้เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวเราก็ต้องมาจัดระบบกันอีกที”

ปกติแล้วเรากับภรรยาพาน้องโพธิ์ไปเยี่ยมคุณย่าบ่อยไหม ?
“ทุกสัปดาห์เลยครับ อย่างน้อย 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เอาจริงๆ นะตัวผมเองยังไปน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ เพราะส่วนใหญ่แล้วคุณแอนจะเป็นคนพาไป (ยิ้ม) ผมก็ต้องขอบคุณภรรยาผมด้วยเหมือนกันนะครับ เพราะเขาทำหน้าที่ของเขาได้ดีที่สุดจริงๆ เขาสามารถเป็นแทนผมได้หมด ในสิ่งที่ผมเองก็แอบรู้สึกแย่ที่ไม่ค่อยมีเวลาไปเจอกับคุณแม่ เพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับการทำงาน ซึ่งคุณแอนเขาก็เหมือนเป็นตัวแทนของผมที่ทำให้คุณย่าได้มาเจอกับหลาน เขาก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นและมีกำลังใจที่จะทำงานต่อไป โดยที่ไม่ต้องมานั่งโทษตัวเอง ผมถึงได้บอกว่าครอบครัวที่สมบูรณ์มันสามารถเอื้อกันได้จริงๆ ผมโชคดีมากๆ ครับ”