วันที่ 7 เม.ย.62 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการคำนวณสัดส่วน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ทว่า ขณะนี้ พรรคอนาคตใหม่ กำลังอยู่ระหว่างการหารือภายในว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเห็นว่า การคำนวณของ กกต. นั้น ไม่เป็นธรรม เนื่องจากพบว่า จำนวน ส.ส. 1 คน จะต้องมีคะแนนเสียงเฉลี่ยอย่างน้อย 71,000 คะแนน แต่บางพรรคได้คะแนนเพียง 30,000 – 40,000 คะแนน ก็สามารถได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คนแล้ว และเมื่อไปเทียบกับ ส.ส.แบบแบ่งเขต ในบางเขตคะแนนดังกล่าว ก็ยังไม่สามารถเอาชนะ ส.ส.แบบแบ่งเขตได้ พรรคอนาคตใหม่ จึงอยากขอความเป็นธรรม เพราะกฎหมายได้เขียนไว้อย่างชัดเจน เกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ และ กกต. ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมด้วย
โดยนายธนาธร ยังได้ตั้งข้อสังเกตภายหลังรับทราบข้อกล่าวหา ฐานยุยงปลุกปั่นทำให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน, ช่วยเหลือหรือให้ที่พำนักผู้ต้องหา และมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ว่า ในระดับสากลศาลทหารมีไว้ว่าความเฉพาะคดีความของทหารกับทหารๆ ไม่มีการนำพลเรือนขึ้นศาลทหาร จึงแปลกใจว่า เหตุใดภายใต้การบริหารงานยุค คสช. จึงนำผู้เห็นต่างขึ้นศาลทหาร พร้อมยืนยันจะไม่มีการเรียกร้องขอความเป็นธรรมใด ๆ เพื่อไปต่อสู้ในศาลพลเรือนปกติ พร้อมยังย้ำว่า คดีความต่าง ๆ ที่เกิดกับพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้ทำให้พรรคหวั่นไหว หรือตื่นตระหนก และพรรคยังมั่นใจว่า คดีต่าง ๆ ที่พยายามทำให้พรรคได้รับความเสียหาย หรือพยายามทำให้แกนนำพรรคมีคดีความ ทุกคนจะสามารถต่อสู้ได้ ตามบทกฎหมาย เพราะมั่นใจในบริสุทธิ์ ที่จะไม่มีใครเอาผิดได้ และขอให้ประชาชน ที่สนับสนุนพรรควางใจได้ ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งใด ๆ หรือไม่ ก็ขอให้ประชาชนคงใช้วิจารณาญาณ
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติการถือหุ้นในสื่อมวลชนของนายธนาธร ก่อนรับสมัครเลือกตั้งว่า ขณะนี้ กกต. ยังไม่มีการติดต่อมาเพื่อให้ไปชี้แจงข้อกล่าวหาใดๆ และยอมรับว่าขณะนี้มีหลายคนยื่นเรื่องให้หน่วยงานต่างๆตรวจสอบตนและพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้นหากหน่วยงานใดต้องการให้ตนและพรรคไปรับทราบข้อกล่าวหาก็สามารถทำหนังสือมาได้ เพราะมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงได้ทั้งหมดส่วนรายละเอียดต่างๆจะขอไปชี้แจงในชั้นกระบวนการยุติธรรมทีเดียว
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังมั่นใจว่า ส่วนกล่าวหาต่าง ๆ จะไม่กระทบกับสถานะว่าที่ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อันดับที่ 1 เพราะไม่ได้มีพื้นฐานความผิด และไม่มีกฎหมายรองรับ



















