สิงห์อมควันอ่วมอีก! คลังเล็งรีดภาษียาเส้น หลังนักสูบลดค่าใช้จ่ายเปลี่ยนจากบุหรี่หันมาสูบยาเส้น
ก.คลังเร่งเตรียมเก็บภาษียาเส้นเพิ่ม หลังนักสูบลดค่าใช้จ่ายเปลี่ยนจากบุหรี่หันมาสูบยาเส้น อ้าง อัตราเดิมต่ำ ยืนยันไม่กระทบกลุ่มผู้ปลูก ระบุ กรมสรรพสามิตตั้งเป้าเก็บภาษี 6 แสนล้านบาท
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เร่งให้กรมสรรพสามิตสรุปผลการศึกษาการพิจารณาเก็บภาษียาเส้นมวนเองเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันอัตราภาษีที่เก็บอยู่ต่ำมาก ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคบุหรี่ที่มีอัตราภาษีสูงราคาแพง ไปบริโภคยาเส้นมวนเองมากขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้สรรพสามิตพิจารณาผลกระทบกับชาวไร่ยาสูบจากการปรับขึ้นภาษียาเส้น ซึ่งในอนาคตจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่รอผลการศึกษาก่อนว่าควรขึ้นเท่าไร และเมื่อไรถึงจะเหมาะสม และไม่กระทบกับชาวไร่ปลูกใบยาสูบในไทย
“ยาเส้นมวนเองมีทั้งผู้ประกอบการในประเทศ และผู้นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งหากขึ้นภาษีก็ควรขึ้นทั้งสองประเภท แต่ก็ได้ให้กรมสรรพสามิตไปดูเรื่องผลกระทบกับ ชาวไร่ยาสูบจะต้องไม่ได้รับผลกระทบมากจากการขึ้นภาษียาเส้น” นายวิสุทธิ์ กล่าว
รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพสามิตมีเป้าหมายเก็บภาษี 6 แสนล้านบาท คาดว่าจะได้ตามเป้าหมาย เพราะมีทั้งสินค้าที่เก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย และต่ำกว่าเป้าหมาย โดยสินค้าที่คาดว่าเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าหมาย คือ สุรา เบียร์ ขณะที่สินค้าที่คาดว่าจะเก็บภาษีได้เกินกว่าเป้าหมาย มีทั้ง บุหรี่ เพราะมีการขึ้นภาษีใหม่มาเป็นเวลา 1 ปี
ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ชี้แจงว่า การขึ้นภาษีบุหรี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นมาตรการช่วยลดจำนวนนักสูบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคนจน คนมีรายได้น้อย
ซึ่งจากข้อมูลหากขึ้นภาษีบุหรี่ให้แพงขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ จะทำให้นักสูบในวัยผู้ใหญ่ลดจำนวนมวนที่สูบลงได้ 4 เปอร์เซ็นต์ เด็กลดจำนวนมวนที่สูบลง 8-10 เปอร์เซ็นต์โดยทั่วโลกมีการขึ้นภาษีบุหรี่ทุกปี เช่น ออสเตรเลีย บุหรี่ราคาสูงซองละกว่า 30 ดอลลาร์ บุหรี่เป็นสินค้าที่ต้องเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 70 ของราคาขาย ดังนั้นการที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายขึ้นราคาบุหรี่ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม










