‘เรซูเม่’15หน้าของเด็ก 5 ขวบกลายเป็นกระแสร้อนแรงในประเทศจีน #ปีหนึ่งอ่านหนังสือ500เล่ม

สำหรับคนที่คิดว่าเรซูเม่หรือประวัติส่วนตัวของตัวเองอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์ทำงาน และผลงานต่างๆ มากมาย คุณอาจต้องตั้งคำถามใหม่อีกครั้งเมื่อได้เห็นเรซูเม่ 15 หน้าของเด็กจีนชาวเซี่ยงไฮ้วัย 5 ขวบรายหนึ่งที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงบนโลกออนไลน์ของจีน

ประวัติส่วนตัวจำนวน 15 หน้าของเขาให้ภาพรวมข้อมูลที่ซับซ้อนของงานอดิเรกส่วนตัว และกิจกรรมนอกหลักสูตรต่างๆ (ฮิปฮอป เปียโน ฟุตบอล) รวมทั้งสิ่งที่เขาเก่งที่สุด (วรรณคดีและประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ศิลปะ และกีฬา)

การจัดภาพเนื้อหาที่มีความยาวอันประกอบไปด้วยภาพกราฟิกและแบ่ง
เป็นส่วนต่างๆ คล้ายกับรายงานการปฏิบัติงานของบุคลากรในบริษัท ได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่หลากหลายจากบรรดาชาวเน็ตจีน 

ในประวัติส่วนตัวมีการแปะตารางเรียนรายสัปดาห์ของเด็กให้ด้วยว่าเรียนวิชาอะไรบ้าง รวมถึงกิจกรรมการศึกษาและกิจกรรมประจำวันอย่างละเอียด เช่น "การเขียนบันทึกด้วยภาษาอังกฤษสามครั้งต่อสัปดาห์"

ในหน้าหนึ่งของเอกสารอธิบายตัวเองไว้ว่า "มีความคิดสร้างสรรค์ มั่นใจ กล้าซักถาม ทะเยอทะยาน อดทน สามารถจัดการกับความล้มเหลวได้ ใจดี และมีเมตตา"

ประวัติส่วนตัว 15 หน้านี้ยังรวบรวมถึงสถานที่ที่เขาเดินทางไปโดยใช้เป็นภาพการฟิก (จากบาหลีไปโตเกียว) และรายชื่อหนังสือที่เขาอ้างว่าเขาได้อ่านในปีนี้เพียงปีเดียว ซึ่งมีจำนวนราว 400-500 เล่ม ยังไม่รวมเกียรติบัตรและรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย 

หลังจากมีผู้โพสต์ประวัติของเด็กคนนี้ลงใน Weibo โซเชียลมีเดียของจีน ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกออนไลน์ เนื่องจากชาวเน็ตหลายคนสงสัยว่าความสำเร็จสารพัดที่ปรากฏในรายการเหล่านี้จะเป็นไปได้ในชีวิตเด็กวัย 5 ขวบจริงๆ หรือ โดยบางคนกล่าวว่าการเขียนเช่นนี้ซับซ้อนมากกว่าการยื่นสมัครเรียนต่อในระดับวิทยาลัยเสียอีก

มีรายงานว่าพ่อและแม่ของเด็กจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงในนครเซี่ยงไฮ้ และทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทฟอร์ดมอเตอร์สและ บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการในเซี่ยงไฮ้

ชาวเน็ตหลายคนยังแสดงความกังวลเรื่องความกดดันที่มาจากโปรไฟล์ที่โดดเด่นว่าจะทำให้เด็กอายุห้าขวบก้าวไปสู่การทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด และแสดงความเศร้าใจถึงปัญหาการแข่งขันอันเลวร้ายในวงการการศึกษาระดับปฐมวัยในประเทศจีน

“ฉันไม่แน่ใจว่ายังมีช่องว่างให้เด็กคนนี้เติบโตได้อีกหรือไม่ บางทีครูของเขาอาจจะยังมีประสบการณ์ไม่เทียบเท่ากับเขาเลยก็ได้” ผู้ใช้บัญชีเวยป๋อรายหนึ่งกล่าว