GDP ขึ้น แต่ทำไมคนไทยจนลง

ที่มารูปภาพ: https://bit.ly/2HYxCs9
แปลกไหม ในขณะที่ตัวเลขความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเติบโตขึ้นชัดเจน แต่ทำไมคนไทยไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น และแท้ที่จริงแล้ว คนไทยกำลังจนลงทุกขณะ สาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะไทยเรายังใช้ทรัพยากรธรรมชาติไม่เป็น ไม่รู้จักทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน!
ที่นายกรัฐมนตรีออกมาโวว่าตัวเลข GDP ขยายตัวเป็น 4.8% (https://bit.ly/2IXvXEj) นั้นเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะมาจากการลงทุนของรัฐด้านสาธารณูปโภคเป็นหลัก ถ้ารัฐหยุด ทุกอย่างก็แทบนิ่ง และเพียงพึ่งการส่งออก อีกด้านหนึ่งที่ ดร.สมคิดไม่ได้พูดก็คือ GDP ไทยต่ำที่สุดในอาเซียน (ดีกว่าเฉพาะสิงคโปร์และบรูไนที่เป็นประเทศที่มีรายได้ประชาชาติต่อหัวรวยกว่าไทยถึง 5-7 เท่า) มาเลเซียที่เจริญกว่าไทย หรือฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่ใกล้เคียงไทย ล้วนเติบโตไปไกแล้ว ตัวเลขของ ดร.สมคิดนั้น "จิ๊บจ๊อย" เมื่อเทียบกับสมัยยิ่งลักษณ์ที่ GDP เติบโตจาก 0.8% ในปี 2554 เป็น 7.2% ในปีถัดมา
ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนผิดหวังรัฐบาลที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ (https://bit.ly/2kf7S14) สิ่งบั่นทอนทางเศรษฐกิจและสังคมเช่น ยาบ้าก็ไม่ได้ปราบ ปล่อยให้หวยใต้ดินครองเมืองโดยไม่ยอมทำหวยบนดิน ให้ประชาชนอีก 4 แสนคนมีงานทำ (https://bit.ly/2HqV2H2) เฉยชาจนดูคล้ายให้ท้ายพวก "ยาบ้า-หวยเถื่อน" ที่โฆษณาว่าช่วยชาวบ้านเช่นแจกบัตรคนจน-คนชรา ก็ได้เงินกันเฉลี่ยคนละ 500 บาท ถ้าแจกสัก 12 ล้านคน ก็เป็นเงินแค่ 6,000 ล้านบาท ไม่พอซื้อเรือดำน้ำสักครึ่งลำด้วยซ้ำไป กองทุนหมู่บ้านก็เอาไปสร้างถนน เงินจม ได้แต่ผู้รับเหมา ไม่เกิดโภคผลต่อการหมุนเวียนต่างจากยุคทักษิณที่ให้เบ็ด ไม่ได้ให้ปลาแบบนี้ แต่ต่อข้าราชการ กลับประเคนให้สารพัดทั้งขึ้นเงินเดือน แจกโบนัส แล้วอย่างนี้เศรษฐกิจจะไปได้อย่างไร
การบริหารแบบข้าราชการ แบบกฎุมพีย่อมไม่อำนวยประโยชน์ต่อประชาชน ยึดแต่หลักกฎหมาย (โดยเฉพาะกฎหมายที่ตนร่างขึ้นเอง) ถ้าเจอเรื่องซับซ้อนก็คิดไม่เป็น ไปไม่ถูก อย่างเช่นกรณี "หมู่บ้านป่าแหว่ง" (https://bit.ly/2qSPFcK) หรือโรงแรมอนันตรา สิเกา (http://bit.ly/2IAAPzj) ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งราชการคิดเป็นอย่างเดียวก็คือรื้อตามคำสั่งศาล เรื่องนี้หลายคนมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่แนวทางสำคัญในการคิดก็คือ การยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าง "หมู่บ้านป่าแหว่ง" สร้างไปเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท จะเอาเงินของประชาชนไปทุบ แล้วปลูกต้นไม้ให้มีสภาพเป็นป่าแล้งๆ แบบนั้นหรือ นั่นคือภาษีอากรของประชาชนทั้งนั้น ส่วนโรงแรมอนันตรา ถ้าใจดำทุบไปก็เป็นเงินนับพันล้าน จะไม่รู้สึกเสียดายทรัพยากรหรือ
เราต่างเห็นร่วมกันว่าไม่ควรที่จะให้ข้าราชการอยู่ และควรลดจำนวนข้าราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาคลงได้แล้ว จะได้ไม่ต้องสร้างอะไรแพงๆ แบบนี้ (ยังไม่รวมค่าดูแลอีกตราบนานเท่านาน) และเราก็เห็นด้วยกันว่าการบุกรุกป่าไม่ถูกต้อง แต่เราจะทำอะไรก็ควรคำนึงถึงประชาชน เราควรเอามาใช้ประโยชน์ อย่าง "หมู่บ้านป่าแหว่ง" หรือโรงแรมดังกล่าว ถ้านำมาให้เอกชนเช่า ก็จะได้เงินที่ละนับร้อยล้าน เอาไปพัฒนาป่าไม้ ปลูกป่า ป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า หรือแบ่งให้ท้องถิ่นโดยเฉพาะประชาชนคนเล็กคนน้อยได้ประโยชน์
แต่บางคนมออกว่า
1. ถ้าไม่รื้อ จะมีคนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อันนี้ไม่จริง ถ้าเราได้เงินมาพัฒนาใช้ปราบปรามการบุกรุกทำลายป่า สืบเสาะหากรณีทำลายป่าแล้วมาแฉผ่านสื่ออย่างจริงจัง ก็จะไม่มีใครกล้าทำอีก
2. เห็นแก่นายทุน เห็นแก่เงิน อันนี้ก็ไม่จริง เพราะเราเห็นแก่ประชาชน เอาทรัพยากรมารับใช้ประชาชนต่างหากเล่า
3. ได้เงินมาเดี๋ยวก็เกิดทุจริตอีก หากใครทุจริตก็ต้องแก้ไขเป็นกรณีๆ ไป แต่ไม่ใช่ว่าเลยปล่อยไว้ไม่ทำอะไร การปล่อยป่าไว้แบบดิบๆ ไม่ทำอะไร ดีไม่ดีพวกเจ้าหน้าที่เองที่จะแอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า
4. บ้างก็ว่าเราควรฟื้นฟูสภาพป่า ฟื้นไปก็ได้ป่าเต็งรัง ป่าไม้ผลัดใบที่แห้งๆ ในหน้าแล้งและเขียวๆ ในหน้าฝน ไม่ใช่ป่าดิบชื้น ไม่ได้มีทรัพยากรอะไร กลับไปมีสภาพเหลือไร่ละ 150,000 บาท แทนที่จะเอาไปพัฒนาเป็นอื่น เอาเงินมาบำรุงประชาชน
มาดูประสบการณ์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนป่าเขาในต่างประเทศกัน เราต้องรู้จักบุกรุกทำลายป่าอย่างยั่งยืน นี่คือสิ่งที่ท้าทายให้เรารู้จักคิดในมุมมองใหม่ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
1. เก็นติ้งไฮแลนด์ในมาเลเซียที่เปิดในปี 2514 ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงประมาณ 1,800 เมตร และอยู่ในรัฐปาหัง ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปทางเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง มีขนาด 30,625 ไร่ มีโรงแรมให้พัก มีห้องพักรวมกันถึง 6,300 ห้อง มีสวนสนุก ร้านค้า ภัตตาคาร กระเช้าไฟฟ้าสะดวก รวมทั้งกาสิโน ในขณะนี้มูลค่าของเก็นติ้งน่าจะเป็นเงินราว 6 แสนล้านบาท หากสามารถสร้างรายได้ๆ ปีละ 5% ของมูลค่าก็เท่ากับปีละ 30,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 55 ปี ณ ดอกเบี้ยปีละ 4% ก็เท่ากับสามารถสร้างเงิน ณ มูลค่าปัจจุบันสูงถึง 663,258 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ยิ่งถ้ารวมรายได้ของประชาชนโดยรอบ คงสร้างเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจมาเลเซียอย่างเหลือคณานับ
2. บานาฮิลล์ที่นครดานัง ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพื่อนั่งกระเช้าชมความสวยงามดั่งสวรรค์ของเขาบานาฮิลล์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่มีโรงแรมที่พัก สวนสนุก ศาลเจ้า สวนไม้ดอกนานาพันธุ์ ฯลฯ กระเช้าขึ้นบานาฮิลล์เป็นกระเช้าที่ยาวและสูงที่สุดโดยยาวถึง 5 กิโลเมตร ผ่านเขากว่า 20 ลูก (https://bit.ly/2Hq8W07)
3. Mulu Marriott Resort & Spa (https://bit.ly/2LjcoIm) เป็นรีสอร์ตในนาม Marriott ที่สร้างอยู่ในป่าดิบบนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย เขาเอาป่าดิบชื้นมาทำรีสอร์ต ไม่ใช่เห็นแก่นายทุน แต่เขาเห็นแก่ประชาชนต่างหาก
4. AVANI Sepang Goldcoast Resort (https://bit.ly/2ITG28O) มี 315 ห้องพัก สร้างยื่นลงไปในทะเลในรูปแบบต้นปาล์ม ที่สำคัญอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าถ่านหินไม่ถึง 5 กิโลเมตร และไม่มีใครร้องเรียนเรื่องมลภาวะ
5. Lexis Hibiscus Port Dickson (https://bit.ly/2KGLOHQ) เป็นโรงแรมที่สร้างล้ำเข้าไปในทะเลเลย โดยมีขนาดถึง 639 ห้อง เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2558 เรื่องดีๆ อย่างนี้คงเกิดไม่ได้ในแผ่นดินไทย แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลประชาชน
การรู้จักเอาธรรมชาติมารับใช้ประชาชนเป็นประเด็นสำคัญ แต่บางทีพวกนักอนุรักษ์ NGOs กลับคิดเห็นถึงป่าถึงสัตว์มากกว่าประชาชนคนเล็กคนน้อย ป่าที่ตีนดอยสุเทพ ก็แทบไม่เหลือสภาพอะไรเลย ที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานครที่ทิ้งไว้ 20 ปี ยังอุดมสมบูรณ์มีสภาพเป็น "ป่าสมบูรณ์" กว่าด้วยซ้ำ ยิ่งบริเวณที่ตั้งโรงแรมอันตรา สิเกา ก็แทบไม่มีสภาพเป็นป่า มีแปลงปลูกต้นไม้บ้าง ที่โล่งบ้าง อันที่จริงโรงแรมนี้สงวนรักษาธรรมชาติให้ดูดีกว่าด้วยซ้ำไป
ถ้าประเทศไทยรู้จักเอายอดเขาสวยๆ มาทำรีสอร์ตแบบเวียดนาม มาเลเซียและอื่นๆ
1. ประเทศไทยก็จะมีรายได้มหาศาล
2. ประชาชนก็จะไม่ต้องยากจน มีรายได้จากการท่องเที่ยวในท้องถิ่น
3. ป่าไม้โดยรอบก็จะยังอยู่รวมทั้งสัตว์ป่าเพื่อสงวนให้นักท่องเที่ยวมาดู สร้างรายได้ให้ชุมชนมากกว่าการไปแอบตัดไม้ทำลายป่า แอบล่าสัตว์เสียอีก
ต้องตั้งหลักคิดให้ดี หาไม่ประเทศไทยและคนไทยจะยากจนลงเรื่อยๆ เพราะขาดรายได้ และชาติอื่นก็จะแซงเรา เดี๋ยวนี้สิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซียก็แซงเราไปไกลโขแล้ว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและเวียดนาม ก็ใกล้จนแทบ "หายใจรดต้นคอ" แล้ว ส่วนลาว เขมร เมียนมา ก็กำลังเติบโตอย่างสุดฤทธิ์ ประเทศไทยจึงต้องปลดโซ่ตรวนทางความคิด พัฒนาได้แล้วในวันนี้
ที่มา : http://bit.ly/2tgknO8
สูตรคำนวณงวด 1/12/68
เมื่อเกาะฟูก๊วก กลายเป็น“กำแพงธรรมชาติ” กั้นทางออกสู่ทะเลของประเทศกัมพูชา
อัจฉริยะที่ปฏิเสธเงินล้าน เรื่องจริงของกรีกอรี เพเรลแมน นักคณิตศาสตร์ผู้หายไปจากโลก
8 สิ่งของในบ้าน ที่ดึงดูด "งู" ให้เลื้อยเข้ามาในบ้าน
“เปิดกระเป๋า G-Wallet แล้วตกใจ… ทำไมมี 3 ฟีเจอร์ที่รัฐไม่เคยบอก แต่ใช้แล้วได้ประโยชน์กว่าคนละครึ่ง?”
ทำไมเราถึงเรียกเมนูเนื้อย่างแบบหนึ่งว่า "เสือร้องไห้" ทั้งๆ ที่เมนูนี้ทำมาจากเนื้อวัว
แขนที่ชี้ฟ้า 50 ปี เรื่องจริงของอมร ภารติ นักบวชผู้ยกแขนเพื่อสันติภาพโลก
ปริศนาลิฟต์สยอง Cecil Hotel คดีเอลิซา แลม ที่โลกยังหาคำตอบไม่ได้
เขาดีกับคนอื่น แต่แม่งเ...้ยกับกู
คิวบาต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัส ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอาหารและยา
เกิดเหตุเครื่องบินขับไล่ "เตจัส" ของกองทัพอากาศอินเดีย ตกในงานดูไบแอร์โชว์
วอเร็น บัฟเฟตต์ ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของเบิร์กไชร์ แฮททาเวย์ภายในสิ้นปี 2025 นี้
หวานเจี๊ยบ ทหารเขมรสร้างคอนเทนต์สุดประหลาด ปล่อยคลิป " เสือ เป็นมิตรกับทหารแนวหน้า 🤣 ชาวเน็ตขำ มีคนเชื่อมั้ยเนี่ย
วอเร็น บัฟเฟตต์ ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของเบิร์กไชร์ แฮททาเวย์ภายในสิ้นปี 2025 นี้
แขนที่ชี้ฟ้า 50 ปี เรื่องจริงของอมร ภารติ นักบวชผู้ยกแขนเพื่อสันติภาพโลก


