200 ปีชาตกาล คาร์ล มาร์กซ์

เมื่อเอ่ยถึงคาร์ล มาร์กซ์ หลายคนอาจจะนึกถึงระบบคอมมิวนิสต์ ที่ปกครองอย่างเข้มงวด รัฐบาลแบบรวมศูนย์อำนาจ โลกอุดมคติที่ห่างไกลจากความเป็นจริง หรือแม้แต่การปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่าที่นำความยากลำบากในเชิงเศรษฐกิจและสังคมมาสู่ประชาชน อย่างที่ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อย่าง รัสเซีย จีน หรือคิวบา เคยเผชิญมา
อย่างไรก็ตาม แนวคิดของมาร์กซ์ก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีให้แก่โลกไม่น้อย และก็มีหลาย ๆ อย่างที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนในศตวรรษที่ 21 โดยที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อนว่านี่คือผลพวงจากแนวคิดของนักทฤษฎีชาวเยอรมนีชื่อก้องโลก ผู้มีชีวิตอยู่เมื่อ 200 ปีก่อน
1.เขาต้องการให้เด็ก ๆ ไปโรงเรียน แทนที่จะทำงาน
ทุกคนในปี 2018 ล้วนคิดเหมือนกันว่าเด็ก ๆ จำเป็นต้องไปโรงเรียน แต่ในปี 1848 เมื่อคาร์ล มาร์กซ์เขียน "คอมมิวนิสต์ มานิเฟสโต" หรือ ที่มีผู้แปลเป็นไทยว่า "แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์" นั้น เด็กในยุโรปยังต้องออกไปทำงานที่โรงงานแทนที่จะไปโรงเรียน แม้แต่ในปัจจุบัน จากข้อมูลของ International Labour Organization เมื่อปี 2016 หนึ่งใน 10 ของเด็ก ๆ ในโลกนี้ก็ยังคงต้องไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
ลินดา เหยียว ผู้เขียนหนังสือ ชื่อ นักเศรษฐศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่: แนวคิดของพวกเขาช่วยเราในทุกวันนี้อย่างไร กล่าวว่า หนึ่งในสิบข้อที่หนังสือ คอมมิวนิสต์ มานิเฟสโต้ ของมาร์กซ์และเองเกลส์เรียกร้องก็คือ การจัดสรรการศึกษาฟรีให้กับเด็ก ๆ ผ่านโรงเรียนของรัฐ และเขาก็เสนอให้ยกเลิกการใช้แรงงานเด็กในโรงงานต่าง ๆ
แม้ว่ามาร์กซ์และเองเกลส์จะไม่ใช่คนแรกที่ออกมาเรียกร้องเพื่อสิทธิเด็ก แต่ก็ได้เพิ่มน้ำหนักแก่การเรียกร้องนั้นให้มากขึ้น
2. เขาต้องการให้คนทำงานอย่างพวกเรามีวันหยุดพัก และเป็นผู้ที่ตัดสินใจเองว่าจะใช้เวลาว่างนั้นไปทำอะไร
ศ. ไมค์ ซาเวจ จากลอนดอน สกูล ออฟ อีโคโนมิกส์ กล่าวว่า แนวคิดของมาร์กซ์ต่อเรื่องนี้คือ "เมื่อคุณถูกบังคับให้ทำงานอย่างยาวนาน เวลาของคุณก็ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป และคุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของคุณอีกต่อไป"
แนวคิดที่มาร์กซ์นำเสนอก็คือ มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียม ซึ่งนำมาสู่การขูดรีดแรงงาน และความแปลกแยก แรงงานที่ทำงานภายใต้การบีบบังคับเช่นนี้อาจจะรู้สึกว่าพวกเขาขาดออกจากความเป็นมนุษย์ที่มีความต้องการพื้นฐานที่ให้ชีวิตดำเนินไป
และมาร์กซ์ยังเรียกร้องแทนแรงงานมากยิ่งไปกว่าปัจจัยพื้นฐานของชีวิต นั่นก็คือ เขาอยากให้แรงงานเป็นอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นเจ้าของเวลาของตัวเอง
"โดยหลัก ๆ มาร์กซ์จะบอกว่า เราควรมีชีวิตด้านอื่นที่ไม่ใช่การทำงาน ชีวิตที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง และสามารถตัดสินใจได้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิต ทุกวันนี้ความคิดนี้ได้กลายเป็นอุดมคติสำหรับคนในปัจจุบันไปแล้ว" ซาเวจกล่าว
"เขาศรัทธาในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ การปลดแอก และความตั้งใจที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ทำให้เกิดความแปลกแยกจากความเป็นมนุษย์ (alienation)"
3.เขาต้องการให้คุณมีความพึงพอใจในการทำงาน
มาร์กซ์เห็นว่าการทำงานของคุณควรจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข ทำให้เราได้สร้างตัวตนของเราเองขึ้นมาในสังคม
นอกจากนี้เขายังคิดด้วยว่าการทำงานควรทำให้เราเห็นโอกาสที่จะได้สร้างสรรค์ และเป็นเครื่องแสดงความดีงามของเราในความเป็นมนุษย์ ความเป็นผู้มีปัญญา และความเก่งกาจด้านต่าง ๆ ของเรา แต่ถ้าหากว่าคุณขมขื่นในการทำงาน หรือทำงานที่ไม่ตอบสนองกับแนวคิดเรื่องความดีแห่งชีวิตของคุณ คุณจะรู้สึกขมขื่นและรู้สึกด้อยค่า รวมไปถึงแปลกแยกต่อความเป็นมนุษย์
4.เขาต้องการให้ประชาชนเป็นผู้นำแห่งความเปลี่ยนแปลง
หากว่าเกิดความผิดปกติขึ้นในสังคมของคุณ หากว่าคุณรู้สึกถึงความอยุติธรรม ไม่เท่าเทียม และไร้ซึ่งความชอบธรรมใด ๆ คุณควรจะต้องส่งเสียงออกมาดัง ๆ รวมตัวกัน ประท้วง และเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ในศตวรรษที่ 19 อังกฤษกำลังพัฒนาสังคมทุนนิยม ไม่มีใครใส่ใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงาน พวกเขาทำงานหนัก ได้ค่าแรงต่ำ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก และไม่มีสิทธิมีเสียงใด ๆ ในสังคม แต่คาร์ล มาร์กซ์ เชื่อในพลังของชนชั้นแรงงานที่จะต่อสู้เปลี่ยนแปลงสถานะของตน และเขาก็กระตุ้นให้คนอื่นมองเห็นแบบเดียวกันเขา ซึ่งแนวคิดนี้ "จุดติด" อย่างรวดเร็ว
การประท้วงที่จัดตั้งโดยพวกแรงงานก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายประเทศ ทั้งทำให้เกิดกฎหมายที่ห้ามการเลือกปฏิบัติ แบ่งแยกชนชั้น เพศสภาพ และการเปลี่ยนแปลงมุมมองในเชิงสังคมอย่างอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม
ลิวอิส นีลเซ่น หนึ่งในผู้จัดเทศกาลมาร์กซิสม์ในลอนดอน กล่าวว่า เราต้องการปฎิวัติเพื่อขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า เราประท้วงเพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่า และนี่แหละเป็นวิธีที่เราได้มาซึ่งการประกันสุขภาพ และชั่วโมงทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน
มาร์กซ์มักจะถูกมองว่าเป็นนักปรัชญา แต่นีลเซนเห็นต่างออกไป "มันจะทำให้เรามองเห็นแต่ว่าเขาเขียนปรัชญาหรือทฤษฎีต่าง ๆ แต่เมื่อเรามองสิ่งที่เขาทำจริง ๆ จะเห็นว่าเขาเป็นนักเคลื่อนไหวด้วย เขาตั้งมาตรฐานสำหรับการรวมตัวของชนชั้นแรงงานสากล และเขาก็ร่วมในการเคลื่อนไหวเพื่อคนยากจนที่ถูกรังแก"
"แนวคิด 'ชนชั้นแรงงานแห่งโลกต้องเป็นเอกภาพ' ของเขาทำให้ชนชั้นแรงงานมีพลังอย่างแท้จริง มรดกตกทอดที่แท้จริงของเขาก็คือ การต่อสู้เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีกว่า และไม่ว่าคนที่ประท้วงหรือรวมตัวกันต่อสู้เรียกร้องสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าจะทำให้สังคมดีขึ้นจะเรียกตัวเองว่าเป็นมาร์กซิสต์หรือไม่ แต่การต่อสู้ของพวกเขามาจากแนวคิดของมาร์กซ์เป็นสำคัญ" นีลเซ่นกล่าว
"ผู้หญิงได้สิทธิการออกเสียงเลือกตั้งมาอย่างไรกันเล่า?" นีลเซ่นถาม "ไม่ได้เกิดจากผู้ชายในรัฐสภารู้สึกเห็นใจพวกเธอ แต่มาจากการที่ผู้หญิงรวมตัวกันและประท้วง เราได้สิทธิหยุดพักทำงานเสาร์อาทิตย์มาได้อย่างไร ก็เพราะสหภาพแรงงานหยุดงานประท้วง สิทธิขั้นพื้นฐานอื่น ๆ ที่ชนสามัญได้มาทุกวันนี้ก็เช่นกัน."
แนวคิดนี้มีพลังมากเสียจนนักการเมืองอนุรักษ์นิยมของอังกฤษคนหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ในปี 1973 ว่า "เราต้องให้การปฏิรูปแก่พวกเขา เพราะไม่เช่นนั้นเขาจะให้การปฏิวัติแก่เรากลับคืนมา"
5.เขาเตือนเราให้จับตาดูรัฐ และธุรกิจขนาดใหญ่ รวมทั้งไม่ให้ไว้ใจพวกสื่อด้วย
คุณรู้สึกอย่างไรกับสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างรัฐและบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งเรื่องที่เฟซบุ๊กถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการโฆษณาทางการเมือง เรื่องเหล่านี้แหละที่มาร์กซ์และเองเกลส์พูดเอาไว้ตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 19 ศาสตราจารย์วาเลอเรีย เวจห์ ไวส์ ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านอาชญวิทยาชี้ว่าทั้งสองคนเป็นกลุ่มแรกที่ชี้ให้เห็นถึงเรื่องเหล่านี้
"พวกเขาศึกษาความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล ธนาคาร ธุรกิจขนาดใหญ่ ที่เข้าไปมีบทบาทในเรื่องการล่าอาณานิคม พวกเขาศึกษาลึกลงไปในประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 19 เพื่อศึกษาความเป็นมา" เวจห์ ไวส์กล่าว
ผลจากการศึกษาของทั้งสองคนทำให้เห็นว่าการร่วมมือกันระหว่างรัฐและธุรกิจนั้นก่อให้เกิดการผลักดันกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการครอบครองอาณานิคม
นอกจากนี้มุมมองของมาร์กซ์ต่อสื่อมวลชนนั้นยังคงทันสมัยมาจนถึงศตวรรษที่ 21 เวจห์ ไวส์ระบุว่า "มาร์กซ์เข้าใจถึงความสำคัญของสื่อมวลชน โดยเฉพาะอิทธิพลที่มีต่อความคิดเห็นของสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันนี้เราก็คุยกันถึงเรื่องข่าวปลอม ความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน ซึ่งมาร์กซ์ได้เคยกล่าวถึงไว้ทั้งหมดนี้แล้ว"
"เขาศึกษาบรรดาบทความหรือข่าวที่ตีพิมพ์ในยุคนั้น แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า อาชญากรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนจนถูกรายงานออกมามากมาย ในขณะที่ความผิดของพวกนักการเมือง หรือคนชั้นสูงมักจะมีการรายงานน้อยมาก" เวจห์ ไวส์กล่าว
8 สิ่งของในบ้าน ที่ดึงดูด "งู" ให้เลื้อยเข้ามาในบ้าน
เลขที่ควรหลีกเลี่ยง ตัวเลขกาลกิณีประจำวันเกิด
เวลาแต่ละราศี ‘โกรธ’ จะแสดงออกแบบไหน ตอนที่ 1 ราศีมังกร - ราศีเมถุน
เวลาแต่ละราศี ‘โกรธ’ จะแสดงออกแบบไหน ตอนที่ 2 ราศีกรกฏ – ราศีธนู
Rawdogging Boredom ปลีกตัวจากทุกสิ่ง ‘นั่งโง่ ๆ’ วันละ 15 นาที ดีกว่าที่คิด
นิสัยการกินแบบนี้แสดงว่าเริ่มแก่ สัญญาณการกิน ที่บอกว่า “เริ่มแก่
Death Cleaning วิธีจัดบ้านแบบ Swedish การทำความสะอาดบ้านก่อนตๅย ชวนให้นึกถึงความรู้สึกของคนข้างหลัง
ดูหนังสยองขวัญ เผาผลาญแคลอรีได้ ช่วยลดน้ำหนัก
เมื่อเกาะฟูก๊วก กลายเป็น“กำแพงธรรมชาติ” กั้นทางออกสู่ทะเลของประเทศกัมพูชา
NATO Dating การเดตที่ไม่เน้นผลลัพธ์ในความสัมพันธ์ แต่เน้นความทรงจำที่ดี มีความสุขที่ได้รู้จัก แต่ไม่คาดหวังว่าจะต้องเป็นแฟนเสมอไป
Winter Blues อาการเศร้าในฤดูหนาว รู้สึกเศร้าเมื่อเปลี่ยนฤดูกาล
สูตรคำนวณงวด 1/12/68
หวานเจี๊ยบ ทหารเขมรสร้างคอนเทนต์สุดประหลาด ปล่อยคลิป " เสือ เป็นมิตรกับทหารแนวหน้า 🤣 ชาวเน็ตขำ มีคนเชื่อมั้ยเนี่ย
วอเร็น บัฟเฟตต์ ซึ่งกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของเบิร์กไชร์ แฮททาเวย์ภายในสิ้นปี 2025 นี้
แขนที่ชี้ฟ้า 50 ปี เรื่องจริงของอมร ภารติ นักบวชผู้ยกแขนเพื่อสันติภาพโลก
คิวบาต่อสู้กับการระบาดของเชื้อไวรัส ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอาหารและยา
"นิทามะ" นายสถานีแมวสุดคิวท์ ของจังหวัดวากายามะ เสียชีวิตแล้ว
สวนสนุกธีมซามูไรสำหรับผู้ใหญ่ "ในเกียวโต" ประกาศวันเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว!!
ญี่ปุ่นเตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า สำหรับชาวต่างชาติ 40,000-100,000 เยน ในปีงบประมาณหน้า
เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 5.7 แมกนิจูด เขย่าบังกลาเทศเละ