ทีโอทีกระทุ้งรัฐ แนะปัดฝุ่นคดีเก่าทำการตลาด 3 จี

รายงานจากวงการโทรคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นออกมาสัพยอกการทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.หลังจากถูกเรียกไปให้ข้อมูลในคดีที่เคยยื่นเรื่องร้องเรียนการทุจริตไว้เมื่อ 10 ปีก่อนนั้นว่า ไม่เพียงแต่คดีค้างเก่าเป็นจำนวนมากที่ถูกเก็บงำ บางคดีนั้นแม้อนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.จะได้สรุปผลและชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องไปแล้วแต่แฟ้มคดีเจ้ากรรมกลับถูกเก็บงำจนเงียบหายเข้ากลีบเมฆก็ปรากฏมาแล้ว อย่างกรณีสัญญาทำการตลาดมือถือบนคลื่นความถี่ 850 เมกกะเฮิร์ตซ์ (MHz) เพื่อให้บริการ 3 จี ด้วยเทคโนโลยี HSPA ระหว่างบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท กับกลุ่มบริษัททรูคอร์ปอเรชั่น ในอดีตเมื่อ 6-7 ปีก่อนที่หลายต่อหลายหน่วยงานล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบก่อนจะส่งเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษไปยัง ป.ป.ช.

ห้วงเวลานั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนที่มี นายเมธี ครองแก้ว กรรมการ ป.ป.ช.ในขณะนั้นเป็นประธานดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องไปจนถึงขั้นที่อนุกรรมการมีมติเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2555 ให้ดำเนินคดีกับบอร์ดและผู้บริหาร กสท ยุคนั้นนับสิบคน แต่หลังจากการแถลงสรุปผลของอนุกรรมการไต่สวนครั้งนั้นก็กลับปรากฏว่าผลสรุปดังกล่าวกลับเงียหายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีการหยิบยกเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่จนกระทั่งปัจจุบัน

“ที่น่าประหลาดก็คือวันดีคืนดีผู้บริหารแคทที่ถูกชี้มูลในอดีตนั้นยังได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามานั่งเป็นที่ปรึกษา รมช.คมนาคมในรัฐบาลชุดนี้เอาด้วยก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องต้องยื่นใบลาออกกันจ้าละหวั่นหลังจากถูกเปิดโปงว่าเคยมีกรณีถูกอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดมาแล้ว ขณะที่บอร์ด กสท บางคนยังมาได้ดิบได้ดีเป็นถึงรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ด้วยอีก” แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว

นอกจากนี้ เมื่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกมาตรการรองรับการทำสัญญาทำการตลาดดังกล่าวให้กระทำได้ไม่ผิดหลักเกณฑ์และกลายเป็นโมเดลการดำเนินธุรกิจใหม่ที่บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ จ่อเจริญรอยตาม อย่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่ได้เจรจาดึงพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมทำการตลาดมือถือบนคลื่นความถี่ 2100 และ 2300 MHz ล่าสุดนั้น ก็กลับถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการดำเนินการที่เข้าข่ายต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนหรือพีพีพีปี 2556 หรือไม่ ทำให้บริษัททีโอทีถึงกับมึนไปกับนโยบายของรัฐที่ไร้ความกระจ่างในเรื่องนี้ และถึงขั้นที่สหภาพรัฐวิสาหกิจทีโอทีพากันออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงดีอีเร่งให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ด้วย