อึ้ง!เธอคนนี้ อาชีพเดิม! เดินเร่ขายกับแกล้มตามร้านเหล้า กินข้าวต้ม-ไข่เค็ม ประทังชีวิต

เป็นอีกหนึ่งผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตา เทียบเคียงกับดาราดังๆ หลายคน แต่เธอก็ไม่มีความคิด ที่อยากจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง สำหรับสาวสวยสู้ชีวิต คุณเจี๊ยบ จิราพร พนมรัมย์ เจ้าของเฟสบุ๊ค Jiraporn Panomrum ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอต้องยอมกัดก้อนเกลือ ส่งตัวเองเรียนจนจบ ด้วยการทำงานกลางคืน แบบที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง จนเรื่องราวถูกแชร์ออกไปเป็นหมื่นๆ แชร์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนชีวิตของเธออีกครั้ง เพราะมีคนเข้ามาติดตาม และอยากจะที่เรียนรู้วิธีที่ทำให้เธอประสบความสำเร็จ ซึ่งเธอก็พร้อมเสมอที่จะแชร์เรื่องราวดีๆ ให้กับคนอื่นๆ

“ถ้าย้อนไปตอนเด็กๆ บอกเลยว่าตัวเจี๊ยบขี้เหร่ ไม่สวย ตัวดำ แต่พอเราโตเป็นวัยรุ่น เราก็มาดูแลตัวเองมากกว่า ความคิดที่อยากจะเข้าวงการบันเทิงไม่มีเลยค่ะ (หัวเราะ) แล้วตัวเจี๊ยบเองก็คงไม่ถนัดงานแบบนี้ ไม่มีความรู้สึกว่า เราอยากเป็นดารา ชีวิตเจี๊ยบลำบากมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนสมัยเรียนอายุ 16-17 ก็ขายของในห้าง พอทำงานได้เงินมา วันๆ ตัวเจี๊ยบก็คิดแต่เรื่องการขายของตลอด ว่าจะทำอะไร ขายอะไร ถึงได้เงินมาใช้จ่าย หลายๆ คนอาจจะพอรู้เรื่องราวของเจี๊ยบ ว่าสมัยเรียน พอเลิกเรียนปุ๊บ ก็ไปรับขนมแบบพวกกับแกล้มเหล้า ไปขายตามร้านอาหาร ร้านเหล้า ขายจนถึงตีหนึ่ง ตีสอง เดินเข้าออกหลายร้านมาก แบบเด็กๆ ที่เขาเอาดอกกุหลาบมาขายเลยค่ะ

พอเรียนจบเจี๊ยบ ก็เปิดร้านขายเสื้อผ้า แต่ก็ขาดทุน ช่วงนั้นท้อมาก แล้วเป็นช่วงที่เฟซบุ๊คเริ่มเล่นได้ใหม่ๆ เราก็เริ่มเห็นมีบางคนขายของออนไลน์ ซึ่งตอนนั้นมันยังไม่สามารถติดต่อกันได้สะดวกเหมือนทุกวันนี้ คือได้แต่โพสต์รูปถ้าใครสนใจก็โทรตรงมาเลย น่าจะประมาณ 6 ปี เดือนแรกขายได้ 8000 บาท เดือนที่ 2 ขายได้ 9500 บาท คืออยากเลิกขายเลย ทำไมมันได้น้อยขนาดนี้ คนอื่นขายได้หลายเหมือน หลายแสน เกือบจะหันหลังให้กับการขายของออนไลน์ แต่เราลองฮึดสู้อีกครั้ง เชื่อไหมค่ะ ถ้าไม่มีของที่สต๊อกไว้ เราไม่มีวันนี้แน่นอน คือตอนนั้นกัดฟันขายแหลกเลยค่ะ จัดโปรลดแลกแจกแถม อะไรที่ลูกค้าตัวแทนอยากได้ เราอย่าไปงก ใช้ใจแลกใจเอา

ชีวิตเราก่อนหน้านี้เคยลำบาก อาหารหรูที่สุดของเจี๊ยบ คือไข่เค็มกับข้าวต้ม เดินขายกับแกล้มเหล้า ตามร้านอาหารหลังเลิกเรียน เหนื่อยมาก เพราะเราต้องนำเงินไปเรียน จ่ายค่าเทอม ค่าหอพัก หาเงินวันต่อวันด้วยความจน ท่องได้ขึ้นใจว่าจะไม่กลับไปจุดนั้นอีกแล้ว กว่าจะผ่านมาได้ถึงวันนี้ เราเคยผ่านพ้นจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว ไม่ได้หมายถึงตัวเองเก่งแล้วนะคะ แต่เราใส่ใจศึกษาข้อมูล คนที่เขาสำเร็จ เอามาปรับปรุงตัวเองเสมอ เพราะประสบการณ์สอนให้เรารู้ ไม่มีใครหวังดีกับเราเท่าตัวเราเอง เราอย่าไปแข่งกับใคร เราต้องแข่งกับตัวเอง ชนะใจตัวเอง สร้างเป้าหมายชีวิต ต้องผูกกับเป้าหมายทุกวัน อย่ามัวคิด มัวรอ แต่ไม่ลงมือทำ มันไม่เกิดประโยชน์เลย