ตำรวจรวบ 5 แกนนำต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินไปให้ทหารคุมตัว- นิติธรขอเป็นทนายว่าความให้-ผู้ชุมนุมไม่ถอยปักหลักต่อ
ม.ล.รุ่งคุณ กิตติยากร (ขวา)ระหว่างพูดคุยกับตำรวจก่อนถูกควบคุมตัวไปยังมทบ.11
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 ที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล “กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน”จ.สงขลาและกระบี่ รวมทั้ง “กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ”ที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอนุญาตให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ เมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.เจ้าหน้าที่ตัดการส่งอาหารและน้ำให้ผู้ชุมนุมและปิดตึกทุกตึกในบริเวณใกล้เคียงไม่ให้ผู้ชุมนุมใช้ห้องน้ำ รวมทั้งห้ามสื่อมวลชนเข้าพื้นที่ชุมนุมด้วย
ต่อมาประมาณ 9.00 น. เจ้าหน้าที่ได้กันผู้ชุมนุมไปอยู่ที่ฝั่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(กพร.) พร้อมกับปิดล้อมให้อยู่แต่ภายในบริเวณ กพร.เท่านั้นจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว 3 แกนนำผู้ชุมนุม ประกอบด้วย นายประสิทธิชัย นายอัครเดช ฉากจินดา และหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิตติยากร ไปยังมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ฐานขัดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน จากนั้นได้ปิดรั้ว กพร.ควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ภายใน พร้อมกับเปิดเพลงกลบเสียงตะโกนต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินของผู้ชุมนุม
รายงานข่าวเปิดเผยว่าปฎิบัติครั้งนี้มีตำรวจชุดควบคุมฝูงชน 4 กองร้อยและทหารจากกองทัพภาคที่ 1 อีก 1 กองร้อย ควบคุมสถานการณ์ ต่อมาประมาณ 11.40 น.เจ้าหน้าที่พยายามเข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมขึ้นรถบัสเพื่อนำไปสอบประวัติและส่งกลับจังหวัดกระบี่ต่อไป
คุมตัว 2 แกนนำอีกระลอก
เวลาประมาณ 13.30 น.เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกรอบ และนำตัวแกนนำอีก 2 คน คือ นายบรรจง นะแส และนายธัชพงศ์ แกดำ ไปยังมณฑลทหารบกที่ 11 ส่วนแกนนำ 3 คน ที่ถูกควบคุมตัวไปยังมณฑลทหารบกที่ 11 ก่อนหน้านี้ คือนายประสิทธิชัย หนูนวล ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และนายอัครเดช ฉายจินดา นั้น มีรายงานว่าถูกนำไปตรวจร่างกาย ยึดอุปกรณ์สื่อสาร และนำไปกักตัว ห้ามญาติเข้าเยี่ยม
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ภายใน กพร.พร้อมกับควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่ยังเหลือ 7 คน ไปทำการสอบสวนที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 ถนนกพแพงเพชร ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่เหลือซึ่งไม่สามารถเข้าไปบริเวณข้างประตูทำเนียบรัฐบาลได้ในตอนเช้า ยังคงปักหลักชุมนุมค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างสถาบันราชมงคลพระนคร หลังจากแกนนำและเพื่อนหลายคนถูกควบคุมตัวไป โดยจะใช้วัดโสมนัสเป็นที่อาบน้ำและพักค้างแรม
วีระ สมความคิด-นิติธร ล้ำเหลือไปสังเกตุการณ์
เมื่อเวลา 15.30 น. นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) และนายนิติธร ล้ำเหลือ อดีตที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมครั้งนี้ด้วย
นายวีระ กล่าวว่าส่วนตัวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ควรเดินทางมาถึงจุดนี้ คือถ้ารัฐบาลพูดคุย และรับฟังประชาชน ก็คงไม่ต้องเดินทางมาชุมนุมกันถึงที่ทำเนียบรัฐบาล และการเข้าควบคุมตัวแกนนำผู้ชุมนุมทั้ง 5 คน ในช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นไม่ได้เป็นการทำให้บรรยากาศของการปรองดองเดินหน้าไปได้ ซึ่งตนเองไม่อยากเห็นความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และไม่สบายใจที่มีการนำเสนอข่าวว่าชาวบ้านที่มานั้นเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง
“หากโยงเป็นเรื่องการเมืองจะทำให้สถานการณ์บานปลาย เรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนของคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จุดยืนของผมคือไม่ต้องการถ่านหิน อยากให้เลือกใช้พลังงานอื่นแทน ซึ่งมีต้นทุนที่ใกล้เคียงกัน และไม่สร้างมลพิษเหมือนถ่านหิน ขณะเดียวกันผมก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ ไม่ได้มายุยงชาวบ้านหรือไม่ได้มาเข้าข้างรัฐบาลแต่อย่างใด”นายวีระกล่าว
คนโกงชี้เป้าให้รัฐบาลเคยจัยหรือไม่
นายวีระกล่าวว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องถึงความเดือดร้อนต่อไป อยากถามว่าคนที่ทุจริตคอร์รัปชั่น รัฐบาลเคยจับได้บ้างหรือยัง
“ผมยังไม่เห็นเลย ผมพูดมามากพยายามชี้เป้าให้รัฐบาลจับคนโกง คอร์รัปชั่นทำให้บ้านเมืองเสียหาย แต่ผมยังไม่เห็นรัฐบาลเอาจริงเอาจังจับได้สักคนเลย แต่ทีชาวบ้านเดือดร้อนแล้วจะจับเขาอ้างแต่ตัวบทกฎหมาย อ้างแต่ว่าเขาทำผิดกฎหมาย แล้วไอ้คนที่ทุจริตคอร์รัปชั่นมันผิดกฎหมายชัดเจน ก็ยังไม่เห็นจับอะไรเลย ผมขอฝากรัฐบาลว่าอย่าไปทำอะไรเลยที่จะไปขยายปมความขัดแย้ง ซึ่งตอนนี้เราอยู่ในบรรยากาศที่ต้องการเห็นความปรองดอง” นายวีระ กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการปักหลักชุมนุมต่อเนื่องหรือไม่ นั้น นายวีระ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องการให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกควบคุมตัวไปมาพูดคุยกับชาวบ้านเอง ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก อย่าสร้างสถานการณ์ให้มันบานปลาย เพราะเรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้
นายนิติธร ล้ำเหลือ (สวมหมวก)เดินทางไปสังเกตการณ์การชุมนุมหลังแกนนำถูกจับกุมไปและพร้อมที่จะเป็นทนายความให้
นิติธรเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่
ทางด้านนายนิติธร กล่าวว่า ตนเข้าไปสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ประเด็นที่เข้าไปสอบถามคือใช้อำนาจตามมาตราอะไร กระบวนการจะเป็นอย่างไรต่อไป และประเด็นที่มาคือเรื่องการควบคุมตัวแกนนำทั้ง 5 คน เท่าที่ทราบยังไม่มีการแจ้งอะไรเป็นการใช้อำนาจกฎหมายคสช.ในการเชิญตัวไป ตนเข้าใจว่าเป็นการพูดคุยเพื่อทราบวัตถุประสงค์ในการมา
เมื่อถามว่า ได้มีการทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่หรือไม่ นายนิติธร กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักไปถึงเมื่อไหร่ เพราะเข้ามาในของเรื่องกฎหมาย หลังจากแกนนำ 5 คน ถูกคุมตัวไปยังมทบ.11 ซึ่งตนจะเข้ามาเป็นทนายดูในเรื่องกฎหมายร่วมกับคนอื่น และเท่าที่ทราบยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เป็นการเชิญไปพูดคุยธรรมดาและทราบจุดประสงค์ในการชุมนุมเท่านั้น
“ครั้งนี้ถือว่าเป็นการพูดคุยอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีการประสานในเรื่องการปล่อยตัวบุคคลทั้ง 5 มาตอนไหน เบื้องต้นตนขอเข้าพบแกนนำทั้ง 5 คนเพื่อรับทราบข้องมูลในการเตรียมการทางคดีต่อไป เพราะขณะนี้ข้อมูลยังไม่นิ่ง”นายนิติธรกล่าว
อังคณากสม.รุดเยี่ยมผู้ชุมนุม
เมื่อเวลาประมาณ 16.15 น.นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เดินทางมาพบปะกับผู้ชุมนุม พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการชุมนุม โดยขอให้ชุมนุมอย่างสงบและมีข้อเรียกร้องที่ชัดเจน เชื่อว่ารัฐบาลน่าจะรับฟัง พร้อมกับจะประสานเพื่อจัดหาห้องน้ำสำหรับชาวบ้านที่มาชุมนุมด้วย
นางอังคณา กล่าวว่า กลุ่มชาวบ้านชุมนุมโดยสงบ ไม่กีดขวางการจราจร และไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงขอให้รัฐบาลคุ้มครองชาวบ้านตามหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายด้วย
อังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพบปะกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ต่อมาเวลาประมาณ 17.45 น.เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินได้แถลงที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ประกาศยืนหยัดต่อสู้เพื่อหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่และจะอยู่หน้าทำเนียบจนถึงจะชุมนุมจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งศาลแพ่งจะตัดสินว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะหรือไม่
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรบนนถนนพิษณุโลกด้านข้างทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ไปจนถึงแยกมิสกวัน "ความคืบหน้าม็อบต่อต้านโรงไฟฟ้ากระบี่ล่าสุด
ปล่อยชาวบ้าน 10 คนขอให้กลับกระบี่
เมื่อเวลาประมาณ 19.10 น. มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เตรียมปล่อยตัวชาวบ้านที่ถูกควบคุมตัว 10 คน หลังจากถูกเรียกไปพูดคุยและสอบถาม โดยใช้อำนาจตามประกาศ คสช. แต่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา โดยมีเงื่อนไขว่าชาวบ้านจะต้องเดินทางกลับจังหวัดกระบี่ทันที
ทั้งนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งไปรอรับชาวบ้านที่จะถูกปล่อยตัวที่กองบังคับการสายตรวจ 191 ด้วย
แถลงขอให้ปล่อยตัว 5 แกนนำ
ที่ริมคลองเปรมประชากร คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ออกแถลงการณ์จากกรณีผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) มีมติสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.คลองเหนือ จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ทำให้เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ยังคงได้ปักหลักคัดค้านมติดังกล่าวของกพช. ตลอดทั้งคืน ตำรวจได้นำแผงเหล็กมาปิดกั้นทางเข้าออกทำเนียบฯ ไม่อนุญาตให้คน-รถเข้า พร้อมปิดห้องน้ำ ตลอดจนในช่วงเช้าของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2560 ชาวบ้านจากด้านนอกพื้นที่ชุมนุมไม่สามารถส่งอาหารให้กับพี่น้องที่ร่วมชุมนุมอยู่ข้างในได้
ในขณะที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวแกนนำ 5 คน ได้แก่ 1.นายประสิทธิชัย หนูนวล 2.นายอัครเดช ฉากจินดา 3.ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร 4.นายบรรจง นะแส 5.นายชัชพงศ์ แกดำ และผู้เข้าร่วมชุมนุมอีก 11 คน ขึ้นรถตู้นำตัวออกจากพื้นที่ชุมนุม ทำให้เห็นว่าการที่รัฐบาลชุดนี้มักกล่าวอ้างถึงการปรองดองเสมอ แต่พฤติการณ์และการกระทำกลับไม่ใช่การปรองดอง กลับจะสร้างความแตกแยกของสังคม
ดังนั้นเครือข่ายได้มีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังต่อไปนี้ 1.ให้ปล่อยตัวแกนนำทั้ง 5 คน และผู้ชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด โดยไม่มีเงื่อนไข 2.คืนสิทธิการชุมนุมให้แก่กลุ่มผู้คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 3.ทบทวนมติกพช. เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่เห็นชอบให้เดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และยกเลิกการใช้พลังงานจากถ่านหินในประเทศไทยทุกกรณี
ภาพแกนนำ 2 คนที่ถูกควบคุมตัวขึ้นรถไปยังมทบ.11 พร้อมคำบรรยายที่ส่งผ่านกันในไลน์