เตือนโรบินฮู้ดไทยในสหรัฐทุกคนระวังตัวเผยไปเที่ยว LA บินกลับ New York ถูกอิมมิเกรชั่นจับส่งกลับเมืองไทย
เตือนโรบินฮู้ดไทยในสหรัฐระวังถูกอิมมิเกรชั่นจับส่งกลับ คนไทยในนิวยอร์กโดนแล้ว 4-5 ราย ศาลอุทธรณ์ไต่สวนคดีกระทรวงยุติธรรมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ระงับคำสั่งฝ่ายบริหาร 7 กุมภาพันธ์นี้ บริษัทไฮเทค-กลุ่มหนุนคนเข้าเมืองและกลุ่มสิทธิพลเมืองตลอดจนนักการเมืองขอร่วมกับรัฐวอชิงตันและรัฐมินเนโซต้าสู้คดี
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2017 ในไลน์ของกลุ่มเพื่อนชาวไทยในสหรัฐที่นิวยอร์กได้ส่งข่าวต่อๆกันว่า “ประกาศ ช่วยบอกเพื่อนๆคนไทยที่ไม่มีใบเขียวหรืออยู่แบบ Visa ขาดต้องระวังให้มาก เพราะคนไทย 4-5 คนไปเที่ยว L.A.กลับมาที่ Airport (นิวยอร์ก)ถูกจับเข้าห้องขังและส่งกลับเมืองไทยเลยค่ะไม่มีโอกาสกลับ (ไป)เก็บของเลย ข่าวจากน้องหนุ่มที่กงสุลไทยค่ะ”
ก่อนหน้านี้ในทางปฏิบัติ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นจับกุมมักจะให้เพื่อนหรือญาติติดต่อทนายความเพื่อเป็นตัวแทนว่าความให้ บุคคลผู้ถูกจับกุมจะถูกนำไปกักขังในสถานที่ที่เรียกว่า Immigration detention center เพื่อรอการขึ้นศาลอิมมิเกรชั่น
รายงานข่าวเปิดเผยว่าในช่วงนี้นายดอนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรับคนที่ 45 กำลังดำเนินนโยบายตามที่ตนคิดว่าดีที่สุดเริ่มจากการออกคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order)เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2017 เกี่ยวกับผู้ลี้ภัยและคนเข้าเมือง 3 ประเด็นคือ
1.ห้ามผู้ลี้ภัยอพยพเข้าสหรัฐเป็นเวลา 120 วัน
- ผู้ลี้ภัยอพยพจากซีเรียห้ามเข้าสหรัฐโดยเด็ดขาด
3.คนเข้าเมืองที่ถือพาสปอร์ต 7 ประเทศประกอบด้วยอิหร่าน,อิรัก,ลิเบีย,โซมาเลีย,ซูดาน,ซีเรียและเยเมนห้ามเข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วัน
คำสั่งดังกล่าวเกิดการประท้วงตามมาทั้งในสหรัฐและเมืองใหญ่ของโลกจนนำไปสู่การฟ้องร้องและคดีไปถึงขั้นศาลอุทธรณ์ภายในระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่นายทรัมพ์ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2017 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ก็ประกาศจะสร้างกำแพงกั้นชายแดนด้านใต้ของสหรัฐกับประเทศเม็กซิโก
บรรดาโรบินฮู้ดไม่ว่าชาติไหนต้องระวัง
รายงานข่าวเปิดเผยว่าไม่เพียงแต่รัฐบาลทรัมพ์จะมีคำสั่งฝ่ายบริหารออกมาเท่านั้น การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐ(อิมมิเกรชั่น)ก็ต้องทำงานควบคู่ไปด้วยตามนโยบายของนายทรัมพ์ที่จะส่งผู้อพยพผิดกฎหมายออกจากสหรัฐ
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2016 โดยการอ้างคำแถลงของศูนย์ศึกษาคนเข้าเมือง (Center for Migration Studies)แห่งนิวยอร์ก เปิดเผยว่าคนอยู่ในสหรัฐที่ผิดกฎหมายมี 10.9 ล้านคนหรือลดต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี2003 เป็นต้นมา กลุ่มคนที่ลดลงไปมากประกอบด้วยเม็กซิโก,อเมริกากลาง,อเมริกาใต้และยุโรป
ทั้งนี้บุคคลที่อยู่อย่างผิดกฎหมายในสหรัฐมี 2 ประเภทคือกลุ่มแรกเป็นคนเล็ดรอดเข้าตามชายแดนไม่มีเอกสารใดๆติดตัวเข้ามาจึงเรียกว่า The undocumented illegal immigrant ส่วนกลุ่มที่สองเป็นผู้มีเอกสารเดินทางเข้าสหรัฐอย่างถูกต้อง โดยเข้าสหรัฐด้วยวีซ่าคนเข้าเมืองประเภทต่างๆเช่นวีซ่านักเรียนนักศึกษา,วีซ่าท่องเที่ยว ฯลฯ หลังจากวีซ่าหมดอายุก็ไม่ออกจากสหรัฐจึงกลายเป็น “โรบินฮู้ด”ไปด้วย คนไทยที่อยู่ผิดกฎหมายก็อยู่ในกลุ่มหลัง
รายงานข่าวเปิดเผยว่าเมื่อเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นตรวจพบและจับได้ว่าอยู่อย่างผิดฎหมายก็จะถูกส่งกลับไปยังประเทศเดิมที่เดินทางมาทันที่ไม่มีโอกาสได้เก็บข้าวของใดๆ หากไปจากประเทศไทยก็จะถูกส่งกลับประเทศไทย,หากเป็นชาวจีนก็จะส่งกลับประเทศจีน, หากไปจากยุโรปก็จะส่งกลับประเทศในยุโรป
“บางคนถูกจับได้ก็จะถูกริบหมดอาทิเช่นบัตรเครดิต เพื่อจะไม่ให้นำไปใช้ได้อีก บัตรเครดิตเหล่านี้สถาบันการเงินของสหรัฐเป็นผู้ออกให้ หากปล่อยให้ติดตัวออกมาความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับสหรัฐเอง”รายงานข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตามไม่มีใครทราบตัวเลขแน่นอนว่าโรบินฮู้ดไทยในสหรัฐมีจำนวนเท่าใด แม้กระทั่งสหรัฐเองก็ได้แต่เหมารวมๆว่ามีทั้งหมดทุกชาติประมาณ 10.9 ล้านคน
ศาลอุทธรณ์สหรัฐรับฟังคดี 7 กุมภาพันธ์
รายงานข่าวเปิดเผยว่ากรณีรัฐวอชิงตัน(และรัฐมินเนโซต้าขอร่วมเป็นโจท์)ยื่นฟ้องคำสั่งของฝ่ายบริหารในประเด็นผู้พยพเข้าเมือง สรุปได้ว่า“คำสั่งของประธานาธิบดี...ทำให้ครอบครัวชาวรัฐวอชิงตันแตกแยก,เป็นอันตรายต่อชาวรัฐวอชิงตันหลายพันคน,ทำลายเศรษฐกิจรัฐวอชิงตัน,ทำอันตรายต่อบริษัทที่ใช้รัฐวอชิงตันเป็นฐานบริษัท,เป็นการแทรกแซงอธิปไตยของรัฐวอชิงตันที่ยังยินดีที่จะต้อนรับบรรดาผู้ลี้ภัยอพยพและคนเข้าเมือง”
ต่อมานายเจมส์ รอบาร์ท ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรัฐบาลกลาง,ซีแอตเติ้ล ส่งคำพิพากษาให้มีการระงับคำสั่งฝ่ายบริหารเป็นการชั่วคราว (temporary restraining order) เป็นเวลา 4 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2017 เป็นต้นไป ทำให้กระทรวงความมั่นคงภายในที่ดูแลด้านอิมมิเกรชั่นต้องสั่งการไปยังสายการบินอนุญาตให้ผู้ถือพาสปอร์ต 7 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐได้ตามคำพิพากษาของศาลตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันเมื่อเย็นวัน 4 กุมภาพันธ์ กระทรวงการยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นเรื่องให้ศาลอุทธรณ์ภาค 9 (The 9th U.S. Circuit Court of Appeals) ที่ทำการตั้งอยู่ซาน ฟรานซิสโก เพื่อให้กลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจะทำให้คำสั่งฝ่ายบริหารมีผลบังคับต่อไป สาเหตุเพราะผู้พิพากษาศาลชั้นต้น“ตั้งข้อสงสัยหรือคาดการณ์ล่วงหน้า”(second-guessing)ว่าคำสั่งจะเกิดอะไรตามมา
อย่างไรก็ตามศาลอุทธรณ์ภาค 9 ปฏิเสธคำร้องขอ แต่ให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นคำร้องในบ่ายจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ว่าจะมีการตอบโต้อย่างไรบ้าง (a counter-response) เพื่อศาลอุทธรณ์จะได้นำมาพิจารณา จากนั้นศาลอุทธรณ์ที่มีผู้พิพากษา 3 คนเปิดให้มีการโต้แย้งกันผ่านเทเลคอนเฟอร์เรนซ์เวลา 15.00 น.(เวลาฝั่งตะวันตก)ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ก่อนที่จะมีการชี้ขาดคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ผู้ที่จะเข้าไปโต้แย้งครั้งนี้มี 2 ฝ่ายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (Solicitor General ซึ่งทำงานภายใต้อัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ) ในฐานะผู้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งฝ่ายบริหารกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอาทิเช่นบริษัทไฮเทค,กลุ่มสนับสนุนคนเข้าเมืองและกลุ่มสิทธิพลเมืองต่างๆ
บริษัทไฮเทคนับร้อย-นักการเมืองเดโมแครตร่วมแจม
สำนักข่าวเอพี.รายงานว่าเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2017 ได้มีผู้ยื่นเรื่องขอร่วมกับรัฐวอชิงตันและรัฐมินโนโซาต้าในการประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดประกอบด้วย
บริษัทไฮเทคขนาดใหญ่ๆของสหรัฐเกือบ 100 บริษัทได้ยื่นคำร้องไม่ให้ศาลอุทธรณ์กลับให้คำสั่งของฝ่ายบริหารมีผลเพราะจะทำให้บริษัทไฮเทคอเมริกันไม่อาจดึงดูดบุคคลที่เป็นชนชั้นมันสมองมาร่วมทำงานได้,จะทำให้บริษัทมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น,จะทำให้บริษัทไฮเทคอเมริกันไม่อาจเข้าแข่งขันในตลาดนานาชาติได้,ไม่อาจจ้างคนใหม่ๆในต่างประเทศมาทำงานให้ได้”
ขณะเดียวกันมีนักการเมืองในฝั่งของพรรคเดโมแครตร่วมสนับสนุนคำฟ้องของรัฐวอชิงตันและรัฐมินเนโซต้าประกอบด้วยอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศจอห์น แคร์รี่และนางแมดเดอลีน ออลไบรท์,นายลีออน พาเนตต้า อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ,ซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น โดยให้เหตุผลว่าคำสั่งของนายทรัมพ์ “ในท้ายที่สุดแล้วจะทำลายความมั่นคงของสหรัฐอเมริกามากกว่าทำให้เราปลอดภัยมากขึ้น”
“การห้ามบุคคล 7 ประเทศเข้าสหรัฐไม่เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ความมั่นคงของประเทศ”คำร้องกล่าวและว่า “ในความเห็นของเราในฐานะเป็นนักวิชาชีพ คำสั่งดังกล่าวเป็นการมโนขึ้นเอง,การบริหารจัดการก็ยังไม่เข้มแข็ง อีกทั้งการอธิบายเหตุผลก็ฟังไม่ขึ้น”
รายงานข่าวเปิดเผยว่าภายหลังจากการรับฟังไต่สวนเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์แล้ว ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้ง 3 ท่านจะนำไปพิจารณาก่อนที่จะส่งคำพิพากษาลงมา ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะส่งลงมาให้รับทราบวันใด จนกว่าจะรับฟังการไต่สวนจะแล้วเสร็จ
รายงานข่าวเปิดเผยว่าหากศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น เชื่อว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐจะยื่นเรื่องไปยังศาลฎีกาสหรัฐก็อาจเป็นได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นในหลายคดีถือเป็นอันยุติ แต่กรณีเป็นนโยบายของรัฐบาล จึงน่าจะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาตัดสินเป็นพื้นฐานทางกฎหมายของประเทศต่อไป
ทายนิสัย ความ Introvert โลกส่วนตัวสูง ของคนแต่ละราศี ตอนที่ 2 ราศีกรกฎ – ราศีธนู
กล้องชัด!ตำรวจไล่จับระทึก ไอ้มด ขาใหญ่ยานรก ซิ่ง จยย.หนี
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
🔮คุณเกิดวันไหน? มาทายนิสัย เปิดดวง ความรัก การเงิน ครบทั้ง 7 วันเกิด
เลขเด็ด "ทักษามหารานี" งวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 68..ส่องเลย เลขไหนเข้าวิน!
สาวนักก่อสร้าง ประกาศหาหนุ่มช่วยทำความสะอาดบ้าน
สิบเลขขายดีแม่จำเนียร งวด 16/11/68
รวมภาพตลกเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ แลฝากข้อคิดว่า ถ้าสร้างสถานการณ์ไม่เนียน มันจะกลายเป็นเรื่องตลกไปนะ ขอบคุณครับ
ลุงวัย 60 พูดเป็นลาง " ดักปลาไหลครั้งสุดท้าย " เจอเป็นศพจมน้ำ
กลาโหมจีนประกาศลั่น "ญี่ปุ่นจะแพ้ราบคาบหากจะมาสู้กับจีน"
ช็อกโกแลตร้อน: จากเครื่องดื่มโบราณสู่สุนทรียภาพแห่งรสชาติที่หลากหลาย
กล้องชัด!ตำรวจไล่จับระทึก ไอ้มด ขาใหญ่ยานรก ซิ่ง จยย.หนี
😁 ชวนลองเข้ามาดูภาพถ่ายชวนสับสนที่ทำให้เราต้องมองซ้ำอีกรอบถึงจะเข้าใจ 😆
สนธิญา ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบเพจ “โอ๊ค พานทองแท้” เหตุโพสต์ลักษณะหมิ่นฯ ซ้ำ หลังเคยถอนฟ้องไปแล้ว
กลาโหมจีนประกาศลั่น "ญี่ปุ่นจะแพ้ราบคาบหากจะมาสู้กับจีน"
ภัยสุขภาพยังไม่หยุด! ฝุ่น PM2.5 พุ่งต่อเนื่องทั่วประเทศ แนะติดตั้งแอปฯ ตรวจสอบก่อนออกจากบ้าน
หวิดสิ้นชื่อ!ฝ่ายปกครองอำเภอปากพนัง บุกจับเอเย่นต์ ทิ้งยาบ้า กระโดดน้ำคลำใต้ถุนบ้าน
กล้องชัด!ตำรวจไล่จับระทึก ไอ้มด ขาใหญ่ยานรก ซิ่ง จยย.หนี
สนธิญา ร้องกองปราบฯ ตรวจสอบเพจ “โอ๊ค พานทองแท้” เหตุโพสต์ลักษณะหมิ่นฯ ซ้ำ หลังเคยถอนฟ้องไปแล้ว