เด็กสาวชาว ฟุกุชิมะ เรียงความเจ็บปวด กำลังได้รับความสนใจและมีการแชร์อย่างมากในประเทศญี่ปุ่น
เรื่องราวสุดเจ็บปวด ที่สะท้อนความในใจของเด็กสาวชาว 'ฟุกุชิมะ' ในประเทศที่ญี่ปุ่น เมืองที่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง จนเกิดสึนามิและเตาปฏิกรณ์ไฟฟ้านิวเคีลยร์์ รั่วไหล เมื่อปี 2011 ที่กำลังได้รับความสนใจและมีการแชร์อย่างมากในประเทศญี่ปุ่น โดยการแแปลเรียงความนี้มาจากเพจ นี่ห้องโชว์ไก่ 日本紹介 ได้เผบแพร่เรื่องราวนี้เอาไว้ว่า
จากงานประกวดเขียนเรียงความเรื่องสิทธิมนุษยชนจากนักเรียนชั้นมัธยมต้นทั่วประเทศครั้งที่ 36 เรียงความนี้กำลังเป็นเรื่องที่หลายคนในญี่ปุ่นกำลังสนใจและแชร์กันมากครับ
จากหัวเรื่อง "ไม่รับคนจังหวัดฟุคุชิมะ" นี้เขียนโดยน้อง "รุรุ มงมะ" นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากเมืองโอนะงะวะ จ.มิยะงิ ซึ่งได้รับรางวัลผอ.สำนักกฎหมายเซนไดครับ
"ไม่รับคนจังหวัดฟุคุชิมะ"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ช็อคมากสำหรับคนที่มาจากจังหวัดฟุคุชิมะอย่างฉัน ฉันเกิดและเติบโตที่เมืองมินะมิโซะมะ จังหวัดฟุคุชิมะจนถึงชั้นป.3
ถ้าพูดถึงมินะมิโซมะแล้วล่ะก็เทศกาลโนะมะโอะอินั้นมีชื่อเสียงมาก เป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์มาตั้งแต่อดีต
ฉันรักเมืองและผู้คนในมินะมิโซมะแบบนั้น
แต่ทว่าเมื่อ 5 ปีก่อน จากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโตได้ทำให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด และทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
รังสีปรมาณูทำให้เมืองมินะมิโซมะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนไม่สามารถอาศัยอยู่ต่อไปได้ภายในคืนเดียว
จากอุบัติเหตุครั้งนี้ ฉันและครอบครัวจึงได้หลบภัยไปยังจังหวัดโทชิงิซึ่งมีญาติอาศัยอยู่
แต่ระหว่างทางร้านที่ฉันได้แวะเข้าไปนั้น ฉันได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อสายตาตัวเองเลย
นั่นก็คือ รถยนต์ที่จอดอยู่ในที่จอดรถนั้น ติดสติกเกอร์ว่า "ไม่รับคนจังหวัดฟุคุชิมะ"
เมื่อฉันเห็นสิ่งนั้นแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
"เอ๊ะ?" ฉันสับสนมาก และเมื่อพยายามเข้าใจกับความหมายของมันก็ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าเสียใจ
หลังจากที่ผ่านไป 5 ปี จนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังมีคนที่ยังมีอคติต่อจังหวัดฟุคุชิมะอยู่มาก
เพื่อนของย่าของฉันได้นำสิ่งของจากฟุคุชิมะไปช่วยเหลือคุมะโมะโตะตอนที่เกิดแผ่นดินไหว
ทั้งๆ ที่คุมะโมะโตะไม่ได้ใกล้กันกับฟุคุชิมะเลยก็ตาม แต่ก็โดนคนในพื้นที่ปฏิเสธบอกว่า "ไม่ต้องการของที่มาจากฟุคุชิมะ"
คำพูดนี้น่าจะเป็นคำพูดของคนในพื้นที่คุมะโมะโตะที่กลัวสารกัมมันตรังสี
แต่ ผู้คนที่ประสบภัยพิบัตินี้ ทำไมถึงพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจต่อคนที่นำสิ่งของไปให้จนถึงที่ ทำให้ฉันรู้สึกขื่นขมมาก
และที่นั่นก็ไม่ยอมรับสิ่งของที่เพื่อนของย่าฉันนำไปให้ แต่มีอีกที่นึงที่รับสิ่งของเหล่านั้น
เมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้แล้วฉันก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะว่าข่าวลือเสียๆหายๆ เกี่ยวกับฟุคุชิมะนั้นยังมีอยู่จนถึงตอนนี้
ทั้งๆ ที่เป็นคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง แต่ทำไมเพียงเพราะว่าแค่มาจากจังหวัดฟุคุชิมะทำให้ต้องโดนคำที่ทำร้ายจิตใจด้วยหรือ
ถ้าปฏิเสธคนและเมืองที่ฉันเติบโตขึ้นมา มันก็เหมือนกับว่าชีวิตของฉันที่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็โดนปฏิเสธไปด้วย
หลังจากภัยพิบัตินั้น ฉันก็ไม่กล้าที่จะพูดเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองให้กับคนอื่นฟัง เพราะฉันกลัวสายตาคนรอบข้างที่มองว่าเป็น "คนฟุคุชิมะ"
แต่ฉันก็ได้พบเพื่อนใหม่ที่ทำให้ความรู้สึกของฉันเปลี่ยนไป
เมื่อตอนฉันขึ้นป.5 ฉันได้ย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองโอนะงะวะ จ.มิยะงิ
การที่จะมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไม่รู้จักนั้นทำให้ฉันรู้สึกกังวลใจ ฉันกังวลว่าต่อจากนี้ไปมันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง
และฉันก็คิดไปว่าอาจจะโดนมองเป็นคนไม่ดีอีกเพราะว่าเป็น "คนฟุคุชิมะ"
หลังจากที่ฉันแนะนำตัวเองหน้าชั้นเรียนเสร็จ แล้วไปนั่งที่โต๊ะเรียน รอบๆ ข้างเป็นนักเรียนชาย ในกลุ่มนั้นก็มีคนหนึ่งถามฉันว่า "เธอมาจากฟุคุชิมะใช่ไหม?"
คำถามนั้นทำให้ฉันหวั่นไหวมาก เพราะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะโดนพูดว่าอะไรอีก
แต่ทว่ากลับไม่ได้เป็นคำที่ฉันมโนว่าจะโดนว่าแต่อย่างใด กลับเป็นคำที่แสดงความเห็นใจว่า "เธอคงลำบากมากสินะ"
เด็กคนอื่นๆ ก็เช่นกัน
"เรามาเป็นเพื่อนกันไหม?" "มาเล่นด้วยกันนะ"
ทุกคนปฏิบัติกับฉันอย่างใจดีมาก
เมืองโอนะงะวะเองก็เป็นเมืองที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัตินี้มากเช่นกัน
เพื่อนของฉันก็มีคนที่เสียทั้งบ้านและครอบครัวมากมาย
แต่ถึงกระนั้นพวกเพื่อนๆ ก็ยังมีชีวิตอาศัยอยู่อย่างร่าเริง เมื่อเห็นพวกเขาแล้วฉํนก็รู้สึกว่าคนโอนะงะวะนี้เข้มแข็งมาก
และในเวลาเดียวกัน ฉันเองที่รู้สึกว่าทรมานมากนั้นก็พบว่า "พวกคนเหล่านี้ลำบากยากเข็ญกว่าฉันอีกไม่ใช่หรือ" และเมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันก็รู้สึกละอายตัวเอง
คนที่เมืองโอนะงะวะนี้มีแต่คนที่เข้มแข็งจริงๆ และฉันก็ได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขาหลายครั้ง
จากประสบการณ์ที่ฉันได้รับมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งนั้นก็คือ "อคติ" และ "ความรู้สึกร่วม"
"อคติ" ก็คือสิ่งที่ตัวเองคิดและตัดสินสิ่งรอบข้าง
การไม่สนใจความรู้สึกของอีกฝ่าย เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก
เวลามีสัมพันธ์กับคนอื่นนั้น คุณมีอคติกับอีกฝ่ายหรือไม่?
"คนนั้นโง่เพราะว่าได้คะแนนสอบไม่ดี" หรือ "คนนั้นเป็นคนเก็บตัวเพราะว่าไม่ค่อยคุยกับใคร"
ฉันคิดว่าไม่ว่าใครก็ตามก็คงมีอคติในเวลาที่มองผู้อื่น
แต่อคติที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรนี้นั้น อย่าลืมว่ามันเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนได้
ในทางกลับกัน "ความรู้สึกร่วม" คือ การเห็นอกเห็นใจอีกฝ่าย การกระทำที่คิดว่าเมื่อลองเป็อีกฝ่ายดู
ตั้งแต่ฉันได้มาที่เมืองโอนะงะวะ ฉันก็มีเพื่อนที่เข้าใจฉัน
การรู้สึกถึงความเจ็บปวดของฉันเป็นความเจ็บปวดของตัวเอง และก็พร้อมที่จะก้าวข้ามมันไปด้วยกันนั้น ฉันรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ ตัวฉันเองก็คิดว่า
ถ้ามีคนที่เจ็บปวด และอยากจะเป็นคนที่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาได้
ในอนาคตฉันต้องการที่จะช่วยเหลือคนที่ประสบความยากลำบากเหมือนเช่นเดียวกับคนที่ได้ช่วยเหลือฉันไว้
https://www.facebook.com/thainihonshoukai/photos/pcb.985958204839279/985905314844568/?type=3&theater
ที่มา http://brandnew-s.com/2017/02/02/fukushima/