สาววัย 21 ฆ่าคนทั้งคนเพราะแค่ความอยากลอง
เมื่อวันที่ 20 ม.ค ทางเพจ ญี่ปุ่นเบาเบา ได้มีการโพสต์เรื่องราวของ คดีฆ่าตกรรมที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีเนื้อหาของหญิงสาวอายุ 21 ปี ขึ้นศาลครั้งแรกของคดีที่น.ส.เอ(นามสมมุติ) อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยนาโกย่า
คณะวิทยาศาสตร์ อายุ 21 (ตอนถูกจับกุมเมื่อ 2015 อายุ 19) ฆาตกรรมคุณโมริ คุณยายอายุ 77 ปี เมื่อ 7 ธ.ค.2014
โดยมีเนื้อหาจากการสนทนา ตอนขึ้นศาลเธอบอกว่า "อยากเป็นคนที่ไม่ฆ่าคน บางครั้งความคิดที่อยากจะฆ่าคนก็ยังผุดขึ้นมาในหัวอยู่ แต่น้อยลงกว่าเมื่อก่อน"
ที่มาของคดี
คุณโมริรู้จักกับน.ส.เอผ่านทางกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ และได้ไปที่ห้องของน.ส.เอเมื่อ 7 ธ.ค.2014 สามีของคุณโมริเอะใจที่ภรรยาไม่กลับบ้านสักที ในคืนวันเดียวกันนั้นก็เลยไปแจ้งตำรวจตำรวจ
แต่น.ส.เอกลับบ้านเกิดที่จ.มิยางิไปหลังก่อเหตุ กลับมาที่ห้องในนาโกย่าอีกทีตอนคืน 26 ม.ค.2015 ตำรวจจึงไปสอบถามน.ส.เอในเช้า 27 ม.ค. ไปค้นห้องก็เจอศพคุณโมริที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่เริ่มเน่าเปื่อยในห้องน้ำ
น่าจะเสียชีวิตไปราว 1 เดือนแล้ว พบขวาน อาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และเลื่อยซึ่งเธอซื้อหลังจากลงมือฆาตกรรม เพราะบอกว่า "อยากเห็นศพที่ถูกหั่น" (แต่ตอนนั้นยังไม่ได้หั่น) ทั้งยังพบสาร"ทัลเลียม"
และยาอื่นๆจำนวนมากในห้องของเธอ น.ส.เอรับสารภาพ
ในวันขึ้นศาล ศาลถามถึงเหตุการณ์ตอนลงมือ
"ตอนนั้นฉันคิดว่าจะทำยังไงถึงอ้อมไปข้างหลังคุณโมริได้ถนัดๆ" จากนั้นก็หยิบขวานออกมาจากกระเป๋าแล้วฟาดที่หัวของคุณโมริ
ศาล "แล้วคุณโมริมีท่าทางยังไง"
น.ส.เอ "คุณโมริถามว่า 'จะฆ่าฉันจริงๆเหรอ?'"
ศาล "แล้วตอบไปว่าอะไร?"
น.ส.เอ "ฉันตอบว่า 'ค่ะ'"
ศาล "แล้วคุณโมริพูดอะไรต่อจากนั้น?"
น.ส.เอ "เธอถามว่า 'ทำไม?' ฉันเลยตอบว่า 'เพราะฉันอยากลองฆ่าคนดู'"
หลังจากน.ส.เอใช้ขวานฟาดที่หัว คุณโมริก็นอนกองที่พื้นห้องและหมดสติไป เธอเฝ้ามองอยู่ 5 นาที เห็นว่ายังหายใจระรวยอยู่ "ถ้าโดนรัดคอจะเป็นยังไงนะ?" เธอจึงใช้ผ้าพันคอของคุณโมริรัดคอ นอกจากนี้ยังอยากลองแทงดู จึงลากคุณโมริไปที่ห้องน้ำเพื่อจะได้กำจัดเลือดได้ง่ายๆ เธอใช้มีดแทงที่คอและน่องแล้วถ่ายรูปเก็บไว้ "ฉันอยากเห็นตอนที่คนกำลังจะตาย อยากบันทึกภาพการลงมือทำจริงๆเอาไว้เลยถ่ายรูป ฉันถ่ายรูปจากมุมเดียวกันไว้หลายใบ"
จากนั้นก็ออกไปที่โฮมเซ็นเตอร์เพื่อซื้อเลื่อยหั่นศพ แต่เมื่อกลับมาก็ได้กลิ่นเครื่องสำอางติดตัวคุณโมริลอยคละคลุ้งเต็มห้องน้ำซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอไม่ชอบ เธอเลยตัดใจไม่หั่นศพ และยังบอกอีกว่า "จริงๆแล้วจะเป็นใครก็ได้ ฉันมีความสนใจในการตายของคน อยากลองฆ่าคนมาตั้งแต่เด็กๆ"
เธอทวิตข้อความหลังลงมือ "ฉันทำลงไปแล้ว"
น.ส.เอไม่ได้อยากฆ่าหรือมีความแค้นอะไรกับคุณโมริเลย ถ้าเป็นมนุษย์จะเป็นใครก็ได้ หลังเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เธอสร้างความสัมพันธ์กับคนโดยมีพื้นฐานว่า "ฉันจะฆ่าคนๆนี้ได้มั้ย" ตอนแรกเธอเล็งเพื่อนร่วมรุ่นและเพื่อนร่วมชมรมชาย-หญิงไว้ 2 คน เพราะเหตุผลว่า "ชวนมาที่ห้องได้ง่าย" แต่ที่เลือกคุณโมริเพราะว่าเป็นคนที่ยอมมาที่ห้องเร็วที่สุด น.ส.เอเลือกฆ่าที่บ้านเพราะจะได้สังเกตขั้นตอนการตายได้สะดวก เธอเคยคิดจะฆ่าคนในครอบครัว ตอนม.ปลายก็เคยจะแทงพี่สาวอยู่ครั้งหนึ่ง (ครอบครัวมี พ่อ-แม่-พี่สาว-น.ส.เอ รวม 4 คน)
หลังจากฆาตรกรรมคุณโมริในวันที่ 7 ธ.ค.2014 เธอก็กลับบ้านเกิดที่จ.มิยางิ และมีบ้านหลังหนึ่งไฟไหม้ น.ส.เอรับสารภาพว่าเป็นคนวางเพลิง "ฉันอยากเห็นศพที่ถูกไฟไหม้"
ช่วงที่อยู่สถานกักกัน เธอเคยทดลองเรื่องพิษจากการดื่มน้ำในปริมาณมาก โดยทดลองกับตัวเธอเอง เธออยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรหากคนดื่มน้ำเข้าไปมากๆ ไม่ได้จะคิดฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายก็ถูกทางสถานกักกันจับได้และถูกจับตามองมากขึ้น ทำให้เธอทดลองต่อไม่ได้
นอกจากนี้น.ส.เอยังรับสารภาพว่าตอนเรียนม.ปลายเคยวางยาพิษทัลเลียมโดยผสมลงไปในเครื่องดื่มให้เพื่อนนักเรียนผู้ชายในห้องดื่ม เหตุการณ์เริ่มเมื่อมิ.ย.2012 นักเรียนชายเริ่มบ่นว่าร่างกายอ่อนเพลียและขาดเรียนบ่อยขึ้น มีช่วงหนึ่งที่ดีขึ้น แต่ต.ค.2012 ก็เข้าโรงพยาบาลเพราะความสามารถในการมองเห็นต่ำลง หมอบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาการเกิดจากการใช้ยา ทางนักเรียนชายเลยแจ้งความไว้ ตำรวจเข้าตรวจหายาทั้งจากที่บ้านและที่โรงเรียนแต่ก็ไม่เจออะไร
5 ธ.ค.2012 นักเรียนชายก็ขาดเรียน กลับมาเรียนได้อีกครั้งเมื่อ ก.ค.2013 แต่เริ่มขยับร่างกายไม่ค่อยได้ ทำให้ มี.ค.2014 ต้องย้ายไปเรียนโรงเรียนพิเศษ(สำหรับผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้) และยังทำอย่างนี้กับเพื่อนนักเรียนชายอีกคนด้วย รวมเป็น 2 คน แต่ทางโรงเรียนไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ เพราะเกรงจะทำให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนเกิดความหวาดกลัว
ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน น.ส.เอก็เข้ารับการรักษาด้วยยาอยู่
cr ญี่ปุ่นเบาเบา