เปิดคลิปภาพและเสียงของฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง
ที่ประเทศจีน ชาวเน็ตต่างก็ได้แชร์คลิปการให้ปากคำของจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง ที่คนไทยเรารู้จักในชื่อ "ผู่อี๋" หรือ "ปูยี" เป็นคลิปที่บันทึกระหว่างที่ยังเป็นนักโทษอาชญากรสงคราม ซึ่งเรื่องนี้คนจีนให้ความสนใจกันมาก
หลังญี่ปุ่นยอมแพ้ สงครามสิ้นสุด "ผู่อี๋" ถูกคุมตัวที่โซเวียตอีก 5 ปี และถูกส่งตัวมาเป็นนักโทษในจีนอีก 10 ปี เหมาเจ๋อตงจึงให้พ้นโทษเพราะเห็นว่าปรับปรุงตัวเองแล้ว จากนั้นหางานให้ทำ มีสวัสดิการให้พอควร แถมยังได้พบกับคนระดับวีไอพีอยู่เนืองๆ นัยว่าจีนปล่อยไว้ให้โลกได้เห็นว่าตนเป็นชาติศิวิไลซ์ ไม่ฆ่าอดีตเจ้าแผ่นดินทิ้งเหมือนบางประเทศ นับว่าผิดความคาดหมายของผู่อี๋มาก เพราะก่อนนั้นเคยกลัวว่าจะถูกฆ่าแน่นอน
(การไม่สำเร็จโทษฮ่องเต้จากราชวงศ์ก่อนเป็นธรรมแต่โบราณของจีนเลยก็ว่าได้ ราชวงศ์ใหม่จะไว้ชีวิต เพียงแต่ลดยศ แต่พอพสกนิกรอยู่ดีมีสุขลืมๆ กันไป ก็อาจมีการลอบสังหารบ้าง กดดันทางอื่นบ้าง แล้วแต่บุญกรรม และกระแสลมทางการเมือง)
การปรับปรุงผู่อี๋เป็นให้คนใหม่ในระบอบใหม่ เป็นความสำเร็จที่แสนจะงดงามของจีนคอมมิวนิสต์ ด้วยเหตุนี้ ระดับนำจึงต้องคอยดูแลผู่อี๋พอสมควร แม้ว่าจะไม่ปรนเปรออย่างดี แต่อย่างน้อยช่วยปกป้องเขาจากการถูกทำร้ายในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม
ประวัติโดยย่อ
ในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2451 ผู่อี๋ขึ้นเป็นจักรพรรดิในขณะที่มีพระชนมายุ 2 พรรษากับอีก 10 เดือน เป็นฮ่องเต้วัยเยาว์ที่ยังไม่สามารถบริหารราชกิจได้ จึงให้องค์ชายฉุนที่2 เป็นผู้สำเร็จราชการ จนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2455 พระพันปีหลวงหลงยู่ได้ลงพระนามาภิไธยใน "พระบรมราชโองการสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง" อันเป็นการปิดฉากการปกครองโดยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในประเทศจีนที่มีมาหลายพันปี ซึ่งได้มีการทำข้อตกลงกับรัฐบาลสาธารณรัฐ ใจความสำคัญว่า ฮ่องเต่จะยังคงได้รับการเชิดชูในเชิงพิธีการต่อไป และรัฐบาลจะจ่ายเงินรายปีแก่ราชวงศ์ปีละ 4 ล้านเหรียญ แต่ทว่าเงินจำนวนนี้ไม่เคยได้รับเต็มจำนวนและถูกยกเลิกในเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้น ในห้วงเวลานี้ประเทศจีนมีการแย่งชิงอำนาจกันจากบรรดานายพลผู้คุมกองทัพต่างๆอย่างวุ่นวาย นโยบายเกี่ยวกับราชวงศ์ไม่มีความแน่นอน และกระทั่งปี พ.ศ.2467 ผู่อี๋ถูกขับออกจากพระราชวังต้องห้ามโดยขุนศึก "เฟิง ยู่เสียง" ไปพำนักในตำหนักขององค์ชายฉุนที่2 พระราชบิดา ต่อมา วันที่ 1 มีนาคม 2475 ผู่อี๋ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้อีกครั้งในประเทศแมนจูกัว ที่ก่อตั้งโดยญี่ปุ่น และแน่นอนว่าผู่อี้ต้องตกอยู่ในอำนาจของญี่ปุ่น ผู้สนับสนุนเก่าแก่ของผู่อี๋ถูกกำจัดไปทีละน้อยและเอารัฐมนตรีพวกที่สนับสนุนญี่ปุ่นเข้ามาแทนที่ เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ผู่อี๋ถูกจับโดยกองทัพแดงของโซเวียตในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และในปี พ.ศ. 2492 ผู่อี๋ถูกส่งตัวกลับจีน เขาใช้ชีวิตถึงสิบปีในศูนย์จัดการอาชญากรสงครามในฟู่ฉวนในมณฑลเหลียวหนิง จนกระทั่งเขาประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ผู่อี๋กลับปักกิ่งในปี 2502 โดยได้รับอภัยโทษเป็นพิเศษจากประธาน เหมา เจ๋อตง ใช้ชีวิตเฉกเช่นสามัญชนในปักกิ่ง ผู่อี๋บอกว่าจะสนับสนุนและทำงานให้พรรคคอมมิวนิสต์โดยการเป็นคนสวนในสถาบันพฤษศาสตร์ เมื่ออายุได้ 56 ปี ผู่อี๋ก็ได้แต่งงานใหม่กับ "หลี่ สูเสียน" ซึ่งเป็นพยาบาล ในปี พ.ศ. 2505 ต่อมาเขาได้ทำงานเป็นบรรณาธิการแผนกวรรณกรรมที่สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติ โดยมีรายได้ 100 หยวน ต่อเดือน และเป็นงานที่ผู่อี๋ทำจนวาระสุดท้ายของชีวิต ผู่อี๋ถึงแก่กรรมอย่างสามัญชนในกรุงปักกิ่งด้วยโรคมะเร็งในไตและโรคหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2510 มีอายุขัยได้ 61 ปี
มาชมคลิปฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิงกันเลย (วินาทีที่ 11 เป็นต้นไป)
จักรพรรดิผู่อี๋
สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ พระราชสมภพ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2449 มีพระนามเต็มว่า "อ้ายซินเจว๋หลัว ผู่อี๋" หรือ "เฮนรี่ ผู่อี๋" (พระนามอังกฤษที่ "เรจินัล จอนสตัน" ถวายให้) เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ชิง (นับเริ่มแต่จักรพรรดิซุ่นจื้อ) และเป็นองค์สุดท้าย (末代皇帝) ของประเทศจีนมีพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระจักรพรรดิเซวียนถ่ง จากปี พ.ศ. 2451 จนกระทั่งสละราชสมบัติใน เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2455 และในช่วงระยะเวลาการฟื้นฟูราชวงศ์สั้นๆในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2460 โดยขุนศึก จาง ซวิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2477 ก็ได้สถาปนาเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิคังเต๋อ ในประเทศแมนจูกัว ซึ่งถูกสถาปนาขึ้นโดย จักรวรรดิญี่ปุ่น พระองค์ครองราชย์ที่แมนจูกัวจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2488