อัยการไม่ฟ้อง“หลวงพี่แป๊ะ”หนีภาษีชิ้นส่วนเบนซ์โบราณ-เอกชน 6 รายโดน-รอ DSIทำความเห็นแย้ง
พระมหาศาสนมุนี (ซ้ายสุด) หรือ หลวงพี่แป๊ะ หรือ พระธนกิจ สุภาโว (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน) เลขานุการสมเด็จช่วง และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนำเข้ารถเบนซ์ผิดกฎหมาย
อัยการสั่งไม่ฟ้องหลวงพี่แป๊ะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ครอบครองเบนซ์หรู เผยบางข้อหาขาดอายุความ รอส่งสำนวนให้อธิบดีดีเอสไอทำความเห็นแย้งหรือไม่ ขณะที่มีความเห็นสั่งฟ้อง 6 เอกชน นำเข้าชิ้นส่วนเบนซ์โบราณ "สมเด็จช่วง" อธิบดีดีเอสไอรอหนังสืออย่างเป็นทางการเผยฟ้องตามหลักฐาน
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560 ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงการสั่งคดีที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวหา พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ หรือ พระธนกิจ สุภาโว (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน) เลขานุการสมเด็จช่วง และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กับพวกเอกชนอู่ประกอบรถยนต์ รวม 7 คน กรณีเลี่ยงภาษีนำเข้ารถยนต์เบนซ์โบราณ คันหมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถที่อยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญญมหาเถร ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า วันนี้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องนายพิชัย วีระสิทธิกุล เจ้าของอู่รถยนต์ หจก.ซี.ที.ออโต้พาร์ท โดยนายวสุ จิตติพัฒนกุลชัย นายวสุ ในฐานะส่วนตัว
ฐานร่วมกันนำของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีฯ เข้ามาในราชอาณาจักร หรือ ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นฯ หรือ รับไว้โดยประการใด ซึ่งรู้ว่าเป็นของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษี หรือไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี และร่วมกันจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ ใช้เอกสารปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม และใช้เอกสารจากการจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ
ในวันที่ 12 มกราคม ผู้ต้องหาทั้งสาม ขอเลื่อนการส่งตัวฟ้อง เนื่องจากยังจัดหาหลักทรัพย์ที่จะใช้ยื่นประกันตัวในชั้นศาล และยังจัดหาทนายได้ไม่พร้อม พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ได้นัดผู้ต้องหาที่ 1-3 มาเพื่อนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลอาญาอีกครั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้
ฟ้องอีก 3 คนฐานนำของไม่ได้เสียภาษีเข้าราชอาณาจักร
ร.ท.สมนึก กล่าวอีกว่า อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษยังสั่งฟ้อง นายเกษมศักดิ์ หรือ อ๊อด ภวังคนันท์ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) ซึ่งนำเข้าชิ้นส่วนรถโบราณ นายเมธีนันท์ หรือ ชลัช นิติฐิติวงศ์ และนายสมนึก บุญประไพ
ฐานร่วมกันนำของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีฯ เข้ามาในราชอาณาจักร ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี และร่วมกันจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และใช้เอกสารที่จดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จฯ
นอกจากนี้ยังสั่งยุติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสามในความผิดฐานร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน เนื่องจากคดีขาดอายุความ โดยหลังจากที่พนักงานอัยการมีคำสั่งดังกล่าวแล้วก็ได้นำตัวนายเมธีนันท์ และนายสมนึก ซึ่งได้รับการประกันตัว และมารายงานตัวต่ออัยการในวันนี้ ไปยื่นฟ้องเป็นจำเลย พร้อมกับนายเกษมศักดิ์ ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ต่อศาลอาญาแล้ว โดยศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีอาญาหมายเลขดำ อ.83/2560
ยุติดำเนินคดีกับหลวงพี่แป๊ะ
ร.ท.สมนึก กล่าวว่า อธิบดีอัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้อง พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่เสียภาษีไม่ครบถ้วนตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ มาตรา 161 เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานใดพิสูจน์ได้ว่าพระมหาศาสนมุนี รับรถยนต์ไว้โดยรู้ว่านายวิชาญเสียภาษีสรรพสามิตไม่ถูกต้อง และให้ยุติการดำเนินคดีกับ พระมหาศาสนมุนี ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่เสียภาษีไม่ครบถ้วน ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ มาตรา 161 (1) กรณีครอบครองรถโบราณช่วงแรก เนื่องจากคดีขาดอายุความ
ทั้งนี้ แม้ขณะนี้พนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องพระมหาศาสนมุนี แต่ตามขั้นตอนจะต้องส่งสำนวนและความเห็นสั่งไม่ฟ้องนี้ให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พิจารณาทำความเห็นว่าจะเห็นแย้งกับคำสั่งของอัยการหรือไม่ หากดีเอสไอยืนยันความเห็นให้ฟ้องก็จะต้องส่งสำนวนกลับมาให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดตามกฎหมายต่อไป
อธิบดีดีเอสไอรอหนังสืออย่างเป็นทางการ
เมื่อวัน 12 มกราคม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณี อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ หรือ พระธนกิจ สุภาโว (ธนกิจ ศรีอุ่นเรือน) เลขานุการสมเด็จช่วง และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ในคดีครอบครองซึ่งสินค้าโดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่เสียภาษีไม่ครบถ้วนตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ มาตรา 161 เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานใดพิสูจน์ได้ว่าพระมหาศาสนมุนี รับรถยนต์เบนซ์โบราณไว้ โดยรู้ว่านายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ เสียภาษีสรรพสามิตไม่ถูกต้อง ว่า ดีเอสไอต้องรอความเห็นอย่างเป็นทางการจากอัยการส่งมายังดีเอสไอ เพื่อดูเหตุผลและข้อกฎหมายที่สั่งไม่ฟ้อง พระมหาศาสนมุนี ว่า เพราะเหตุใดก่อนจะพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ทั้งนั้น พ.ต.อ.ไพสิฐขอยืนยันว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอและพนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวนในคดีดังกล่าว ได้พิจารณาตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ และได้มีความสั่งฟ้องไปตามขั้นตอนการดำเนินคดี